หุ้น BBIK ทุบสถิติรายได้ - กำไรครึ่งปี รุกไซเบอร์ซีเคียวริตี้เต็มตัว

หุ้น BBIK ทุบสถิติรายได้ - กำไรครึ่งปี รุกไซเบอร์ซีเคียวริตี้เต็มตัว

หุ้น BBIK ทุบสถิติรายได้ - กำไร โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก โตทะลุ 90% สัญญาณบวกแรง ทั้งปีตุนแบ็คล็อกกว่า 448 ล้านบาท พร้อมลุยขยายงานเต็มสูบ หลังบอร์ดอนุมัติตั้ง 3 บริษัทลูก รุกงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบล็อกเชน รวมทั้งงานต่างประเทศ

 บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร เผย 6 เดือนแรกของปี 2565 เดินหน้าทำนิวไฮทั้งรายได้ และกำไร โดยมีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 61.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่มีรายได้รวมจำนวน 126.92 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และกำไรสุทธิที่ 30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) สูงถึง 46% ของรายได้รวม 

ในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 (QoQ) มีรายได้รวมที่ 131.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิที่ 32.94 ล้านบาท เติบโต 15% โดยแนวโน้มความต้องการด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั้งใน และนอกประเทศยังคงส่งสัญญาณแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสมอีก 448 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้ลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง เพื่อรุกขยายงานในประเทศด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบล็อกเชน รวมทั้งงานต่างประเทศ เพื่อให้บริการในภูมิภาคยุโรป มั่นใจผลประกอบการปี 2565 โตแรงไม่ต่ำกว่า 70%

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า ผลประกอบในช่วง 6 เดือนแรกออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นผลมาจากคุณภาพการส่งมอบงานที่ดี จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญหลังจัดตั้ง บริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด เพื่อเปิดตลาดต่างประเทศเมื่อต้นปี ซึ่งในปีนี้กลุ่มบริษัท สามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศแล้วมากกว่า 30 ล้านบาท หรือ 12% ของรายได้รวม ดังนั้นบริษัท เชื่อมั่นว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15 - 20%

นอกจากนี้การกลับมาดำเนินการตามปกติของภาคธุรกิจหลังรัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยังเป็นปัจจัยเสริมให้รายได้ของบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มธุรกิจ นำโดยบริการธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์ (Digital Excellence & Delivery) ตามด้วยธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ และการจัดการ (Management Consulting) ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) และธุรกิจบริหารโครงการเชิงกลยุทธ์ (Strategic PMO) ตามลำดับ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) นั้นเป็นไปตามที่บริษัท คาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 131.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.94 ล้านบาท โตขึ้น 86% และยังมีส่วนแบ่งกำไร 3.2 ล้านบาท จากกิจการร่วมค้าบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด รวมถึงการเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment หรือ BOI) ที่ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยบริษัท ได้เริ่มใช้สิทธิดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีตั้งแต่ปีหน้า 

"นับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของบริษัท เพราะบลูบิคเตรียมขยายธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) กิจการร่วมค้า (Join Venture) และการลงทุนเปิดบริษัทย่อยเพิ่มเติม เพื่อเสริมแกร่งให้กับบริษัท ในทุกมิติ ดังนั้นการเติบโตของบริษัท นับจากนี้จะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดและน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง จึงทำให้มีความต้องการจากตลาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันกับการแข่งขัน" นายพชร กล่าว

ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้ลงทุนในบริษัทย่อยอีก 3 แห่ง ดังต่อไปนี้ 1. บริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาระบบ และให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

2. บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ซึ่งเป็นการจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบดิจิทัล และให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการให้บริการในภูมิภาคยุโรป

3. บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน (Digital Platform and Blockchain Solutions) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

"บริษัทย่อยทั้ง 3 แห่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรับรองการขยายธุรกิจของบริษัท และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สำหรับแผนรองรับการขยายตัวนั้น บริษัท เตรียมเพิ่มบุคลากรอย่างน้อยอีก 50 ตำแหน่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีจำนวนทั้งสิ้น 320 ตำแหน่ง ซึ่งจะอาศัยความได้เปรียบจากการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชาวต่างชาติ และชาวไทย เพื่อส่งมอบงานคุณภาพระดับสากลให้กับลูกค้าได้" นายพชร กล่าว 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์