WHA จ่ออัพยอดขายที่ดินครึ่งหลัง 1.45 พันไร่ เปิดประเทศหนุน

WHA จ่ออัพยอดขายที่ดินครึ่งหลัง 1.45 พันไร่ เปิดประเทศหนุน

“ดับบลิวเอชเอ” เผยเปิดประเทศ หนุนลูกค้า“ญี่ปุ่น-สหรัฐ-ยุโรป” หวนซื้อเพียบ แย้มกำลังเจรจาขายที่ดิน 2-3 พันไร่ คาดผลดำเนินงานไตรมาส 2/65โตต่อเนื่อง มั่นใจปีนี้ยอดขายที่ดิน 1.25 พันไร่ หลังตุนแบ็กล็อก 400 ไร่ เตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองรีท 5 พันล้าน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า หลังภาครัฐเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีลูกค้าต่างชาติสนใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA จำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันกำลังเจรจากันอยู่หลายราย คิดเป็นที่ดินราว 2,000-3,000 ไร่ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มาแรงในตอนนี้จะเป็น รถยนต์ (ออโต้) และอิเล็กทรอนิกส์ สะท้อนผ่านบริษัทเพิ่มเซ็นสัญญาขายที่ดิน 100 ไร่ ให้ลูกค้าต่างชาติรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอฯ คาดโอนเสร็จปีนี้   

“หลังเปิดประเทศชัดเจนลูกค้าต่างชาติสนใจลงทุนในไทยเพิ่มมาก ดังนั้น ในครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะเห็นบริษัทปรับเป้ายอดขายที่ดินเป็น 1,450 ไร่ จากปัจจุบันตั้งเป้า 1,250 ไร่ ภายใต้บรรยากาศลงทุนยังสดใสแบบนี้” 

นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน WHA เปิดเผยว่า เบื้องต้นบริษัทวางเป้ายอดขายที่ดินไว้ปี 2565 จำนวน 1,250 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 950 ไร่ ประเทศเวียดนาม 300 ไร่ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังเห็นสัญญาณบรรยากาศลงทุนค่อนข้างดีมาก เนื่องจากแรงหนุนการเปิดประเทศมากขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเดินทางเข้าประเทศที่สะดวกมากขึ้น 

ส่วนกรณีที่ประเทศจีนปิดเมือง (ล็อกดาวน์) เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น กระทบต่อยอดขายไม่มาก แต่ปัจจุบันหลังเปิดประเทศบริษัทได้กลุ่มลูกค้า ญี่ปุ่น ,สหรัฐ และยุโรป แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทเพิ่มขึ้นมากจากเดิมที่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวลดลงในช่วงที่ผ่านมา 

WHA จ่ออัพยอดขายที่ดินครึ่งหลัง 1.45 พันไร่ เปิดประเทศหนุน “ตอนนี้โมเมนตัมของภาพรวมบรรยากาศลงทุนตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นมาก หากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น เราค่อนข้างมั่นใจมากกับเป้าหมายยอดขายที่ดิน 1,250 ไร่ โอกาสสูงมากที่จะบรรลุได้ ไม่น่าจะมีปัญหา โดยสิ้นไตรมาส 1 ที่ผ่านมามียอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) 400 ไร่ มูลค่าราว 1,200 ล้านบาท บางส่วนทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้”

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม โดยในไทยได้เปิดนิคมฯ แห่งใหม่คือ ระยอง 36 ส่วนที่ประเทศเวียดนามมีโครงการในจังหวัด Nghe An เฟสแรก ที่มีการพัฒนาเสร็จแล้ว และกำลังพัฒนาเฟส 2 เริ่มก่อสร้าง ส่วนจังหวัด Thanh Hoa อยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) จำนวน 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยใช้งบลงทุนปีละ 10,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนที่จะขายทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาทในปีนี้ 

นายณัฐพรรษ กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 65 คาดว่าดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เนื่องจากทุกธุรกิจมีทิศทางการเติบโต โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์ คาดจะมีรายได้เพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านในไตรมาส 1 ปี2565 ได้สัญญาระยะสั้นให้เช่าเพิ่มเข้ามา 80,000 ตารางเมตร รวมทั้งยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกกว่า 1.2 แสนตารางเมตร และมีลูกค้าใหม่ๆ ที่สนใจลงทุนอีกจำนวนมาก

ส่วนธุรกิจน้ำในประเทศแนวโน้มจะดีขึ้น เนื่องจากปริมาณขายน้ำที่สูงขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมียอดขายเพิ่มให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าจะฟื้นตัวจากการกลับมาดำเนินงานของ Gheco-1 และ SPP ดีขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานสูงขึ้นและปิดโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้า SSP คาดปรับตัวดีขึ้นตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (FT) ที่สูงขึ้นในเดือนพ.ค. ขณะที่ในตอนนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีรายการพิเศษเข้ามาเหมือนไตรมาส 1 ปี 65 ที่มีกำไรขายดาต้าเซ็นเตอร์