MINT กำไรจะดีดตัวขึ้นใน 2Q65F (20 พ.ค. 65)

MINT กำไรจะดีดตัวขึ้นใน 2Q65F (20 พ.ค. 65)

ธุรกิจโรงแรม: คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีดตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2Q65F หลังจากที่สถานการณ์ COVID-19 ในกลุ่มประเทศหลักดีขึ้น

(Figure 5) RevPar เร่งตัวขึ้นเป็น 62% ในเดือนเมษายน 2565 (จากเฉลี่ย 39% ใน 1Q65) โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจคือ occupancy ของโรงแรมในยุโรปยัง outperform โดยมี occupancy อยู่ที่ 63% ในเดือนเมษายน 2565 และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น70% ในเดือนพฤษภาคม 2565 (Figure 2) ในขณะที่ occupancy ของโรงแรมในประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นเช่นกันเป็น 46% ในเดือนเมษายน 2565 (จาก 31% ใน 1Q65)

MINT กำไรจะดีดตัวขึ้นใน 2Q65F (20 พ.ค. 65)

MINT กำไรจะดีดตัวขึ้นใน 2Q65F (20 พ.ค. 65)

 

 

 

ธุรกิจอาหาร: SSSG ยังเป็นบวกในเดือนเมษายน 2565 นำโดยร้านอาหารในประเทศไทย

SSSG ยังค่อนข้างทรงตัวในแดนบวกที่ +3.3% ในเดือนเมษายน 2565 (จาก +4.2% ใน 1Q65) ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของร้านอาหารในประเทศไทย (65% ของรายได้) ยังคงน่าประทับใจโดย SSSG เดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ +11% ในขณะที่ร้านอาหารในประเทศจีน (15% ของรายได้) ยังเป็นตัวฉุดโดย SSSG เดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ -37% สำหรับระยะต่อไป เราเชื่อว่า SSSG ของร้านอาหารในประเทศจีนอาจถึงจุดต่ำสุดในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และเริ่มแสดงสัญญาณของโมเมนตัมด้านบวกได้ในเดือนมิถุนายน 2565 จากยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่มีแนวโน้มลดลง (Figure 4) และความคาดหมายว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมลงอีก

MINT กำไรจะดีดตัวขึ้นใน 2Q65F (20 พ.ค. 65)

 

 

 

 

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อจะยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจอาหาร ดังนั้น บริษัทจึงได้ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (อย่างเช่นปรับขึ้นราคา, และการบริหารจัดการสายโซ่อุปทาน) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารใน 1Q65 อยู่ที่ 67.5% (เราใช้สมมติฐานปีนี้ที่ 72.4%) และเนื่องจากเราคาดว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างน้อยในระยะกลาง ซึ่งจะน่าจะทำให้ประมาณการของเรามีความเสี่ยงด้าน downside อยู่บ้าง

 

Valuation & action

โดยรวมแล้วเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อ MINT เนื่องจากรายได้จากธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นรายได้กลุ่มหลักของบริษัท ในขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในยุโรปที่ฟื้นตัวเด่นใน 2Q65F จะช่วยชดเชย sentiment เชิงลบจากประเด็นเงินเฟ้อได้ เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2566F ที่ 17.2x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว ทั้งนี้ เราได้ทำการ discount ราคาเป้าหมายปี 2566F กลับมาหนึ่งปี โดยใช้ WACC ที่ 9.0%

 

Risks

ความวุ่นวายทางการเมือง และ COVID-19 ระบาดนานเกินคาด