โบรกฯ ชี้กำไรบจ. ไตรมาส 2 ปี 2565 หดตัว !!

โบรกฯ ชี้กำไรบจ. ไตรมาส 2  ปี 2565 หดตัว !!

“โบรก” คาด กำไรบจ.ไตรมาส 2/65 ลดลง จากไตรมาส1/65 เหตุ ราคาน้ำมันดิบพุ่ง กระทบต้นทุนวัตถุดิบขยับ “บล.เอเซียพลัส” คงเป้าทั้งปีนี้ 1.04 แสนล้าน “บล.หยวนต้า” เผย มีโอกาสปรับลดประมาณการใหม่

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีกำไรลดลงจากไตรมาส 1 ปี 65 หลังรับรู้ผลกระทบเต็มๆ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นมาก กระทบต้นทุนวัตถุดิบขยับ และทำให้มาร์จินธุรกิจแคบลง รวมทั้งไตรมาส 2 ทุกปีปกติเป็นช่วงโลซีซั่นอยู่แล้ว เนื่องจากมีวันหยุดค่อนข้างมาก    

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรไตรมาส 1 ปี 65 ออกมา 618 บริษัท คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) 95% ของบริษัททั้งหมดในตลาด มีกำไรรวมกันอยู่ที่ 2.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 26% ของประมาณการทั้งปี และเมื่อเทียบกับกำไรทุกบริษัทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 9.5% แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน -1.2% 

โดยกลุ่มที่มีกำไรโดดเด่น คือ กลุ่มพลังงาน ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าปกติ กลุ่มเปิดเมือง อย่าง ค้าปลีก , อสังหาริมทรัพย์ ,การแพทย์ และขนส่ง เป็นต้น และกลุ่มส่งออก อย่าง อาหาร , เกษตร , ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า พร้อมทั้งราคาสินค้าต่างๆ ทยอยปรับราคาสูงขึ้น

โบรกฯ ชี้กำไรบจ. ไตรมาส 2  ปี 2565 หดตัว !! อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ยังผันผวนแต่ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนไทยยังปรับตัวและรับมือได้ สะท้อนผ่านผลประกอบการณ์ไตรมาส 1 ปี 65 ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่สำหรับประมาณการทั้งปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณในการปรับประมาณการกำไรบจ. ทั้งปีลดลง โดยประมาณการกำไร บจ. ปี 65 อยู่ที่ 1.04 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS อยู่ที่ 88.9 บาทต่อหุ้น ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณผ่อนคลายต่อตลาดหุ้นไทยได้

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 65 ซึ่งฝ่ายวิจัยรวบรวมไว้ คาดว่า บจ. มีกำไร 2.9 แสนล้านบาท หรือเติบโต 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นประมาณการเดิมที่มองไว้ และสอดคล้องกับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาที่ขยายตัวมากกว่าที่ประมาณการไว้อีก 

เนื่องจากการภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่ผลดำเนินงานออกมาดีกว่าคาด จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวอยู่ในระดับสูง และกลุ่มค้าปลีกที่มีการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และกลุ่มท่องเที่ยว สะท้อนผ่านการเปอดประเทศไม่นานมีจำนวนนักท่องเที่ยวลงทะเบียนเข้าไทยจำนวนว่า 500,000 คนแล้ว  

ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 65 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำประมาณการใหม่ แต่เบื้องต้นคาดว่ากำไร บจ. ในไตรมาส 2 ปี 65 จะหดตัวจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 2 ปกติจะเป็นช่วงโลซีซั่นและมีวันหยุดหลายวัน และในไตรมาส 2 ปี 65 โดนผลกระทบในเรื่องต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นจากปัญหารัสเซีย-ยูเครนยืดยื้อ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาก 

สำหรับประมาณการทั้งปี 2565 คาดว่าจะ “ปรับลดกำไรบจ.” เนื่องจากประมาณการเดิมไม่มีปัจจัยลบเรื่องสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเข้ามา รวมทั้งปรับลดอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) จาก 92 บาทต่อหุ้น ลดลง 3-5% มาอยู่ที่ 88-90 บาทต่อหุ้น จาก 3 ปัจจัยคือ 1. เงินเฟ้อที่สูง ส่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตพุ่ง หลังราคาน้ำมันสูง 2. กลุ่มที่เคยมีร้อนแรงช่วงก่อน ราคาปัจจุบันลดลง และ 3 ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นไทยจาก 1,720 จุด มาอยู่ที่ 1,650-1,660 จุด  

“เราปรับประมาณการกำไรบจ.ปีนี้ลง เนื่องจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดยื้อ ทำให้ต้นทุนพลังงานพุ่ง ทำให้คาดอัพไซด์ตลาดถูกจำกัด แต่หากมีปัจจัยบวกหรือสตอรี่ใหม่ๆ เข้ามาเสริมอย่าง รัฐมีการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ , มีการเลือกตั้งระดับประเทศ , ท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่งผลให้รายได้ภาคบริการสูงขึ้น เงินบาทก็จะกลับมาแข็งค่าได้”