ยังคงกลยุทธ์เลือกเก็งกำไรรายตัว (18 พ.ค. 65)

ยังคงกลยุทธ์เลือกเก็งกำไรรายตัว (18 พ.ค. 65)

GDP ไทยไตรมาส 1/65 เติตโต 2.2% ดีกว่าคาดที่ 1.7% และส่งสัญญาณฟื้นตัวในหลายมิติ ทั้งการบริโภค (+3.9%), การส่งออก (+10.2%), การส่งออกบริการ (+30.7%) ซึ่งยืนยันภาพการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้แม้จะมีการปรับประมาณการเติบโตปี 2565 ลงเหลือ 2.5-3.5% (จากคาดการณ์เดิมที่ 3.5-4.5%) แต่ภาพรวมปี 65-66 จะยังเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 2564 ที่ GDP โตเพียง 1.6% กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ, เปิดเมือง และเปิดประเทศ ยังมีแนวโน้มได้รับอานิสงค์จากโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ยังอยู่ในทิศทางต่อเนื่อง แม้อาจจะมีการชะลอของการบรโภคในช่วงไตรมาส 2/65 บ้าง จากผลของยูเครนและการล็อคดาวน์ที่จีน

บรรยากาศลงทุนต่างประเทศในระยะสั้นมีโอกาสเห็นการฟื้นตัว หลังนักลงทุนตอบรับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปพอสมควรแล้ว โดยล่าสุดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังยืนยันการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงชัดเจน เราคาดบรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะยังผ่อนคลายหากไม่มีการส่งสัญญาณที่แรงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นได้จนใกล้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบหน้า 14-15 มิ.ย.
 

กลุ่มเทคโนโลยีมีสัญญาณฟื้นตัวหลังปรับลดลงมามาก โอกาสลงทุนในไทยจะอยู่ใน 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นตัวแทน (proxy) ของการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่นค่า โดยเราชอบ KCE, HANA, SVIและ 2. กลุ่ม DR ของหุ้นเทคโนโลยีจีนที่เข้ามาจดทะเบียนในตลท. หลังมีข่าวทางการจีนจะสนับสนุนบริษัทที่สนับสนุนการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตราสารแสดงสิทธิ์การฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่เกี่ยวข้อง อาทิ BABA80 หรือ TENCENT80 เป็นต้น

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART 5) กอง REIT ได้แก่ FTREIT, WHART 6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบกำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น 7) หุ้นกลุ่มเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC 8) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR

ภาพรวมกลยุทธ์: ฟื้นตัวโดยมีแนวต้าน 1,630-1,640 จุด ยังคงกลยุทธ์ “เลือกเก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี (ธีมบาทอ่อน และผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง)” โดยเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพงหรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก และใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว //หุ้นแนะนำ:  CPF*, OR*, KSL*, BABA80*

แนวรับ: 1,605 / แนวต้าน : 1,630-1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 


 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% – ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

EU ไฟเขียวบริษัทเอกชนยังคงสามารถนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย - บริษัทต่าง ๆ สามารถเดินหน้าซื้อก๊าซของรัสเซียต่อไปได้

โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร โรงงานน้ำตาลในบราซิลยกเลิกสัญญาส่งออก – หลังเปลี่ยนไปผลิตเอทานอลแล้วได้ผลตอบแทนดีกว่า ส่งผลให้อาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลเกิดขึ้น ส่งผลดีต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำตาล เช่น KSL, KTIS, KBS และ BRR เป็นต้น

สศช.หั่นคาดการณ์ GDP เหลือ 3% - สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 เหลือโต 2.5-3.5% หลังเจอปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ขณะที่ไตรมาสแรกขยายตัว 2.2% หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด

ครม.ไฟเขียวขยายลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาท/ลิตร - ช่วง 21 พ.ค. ถึง 20 ก.ค.65 เพื่อช่วยลดปัญหาน้ำมันดีเซลราคาแพง ซึ่งถือเป็นต้นทุนค่าขนส่งสินค้า

นครเซี่ยงไฮ้วางแผนที่จะยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย. - การให้บริการรถประจำทางจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. แต่ประชาชนจะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนใช้บริการ

SMK ยื่นขอฟื้นฟู – บริษัทขอเลื่อนนำส่งงบไตรมาส 1/65 และยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ทั้งนี้การฟื้นฟูกิจการทำให้จำเป็นจะต้องการการหาผู้ร่วมทุนใหม่ และน่าจะต้องมีการเพิ่มทุนขนานใหญ่ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นในปัจจุบันจะถูกลดส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญ

ตลท.ให้ TVD ใช้เกณฑ์ Cash Balance - เริ่ม 18 พ.ค. ถึง 7 มิ.ย.65 

ตลท.ขึ้น C หุ้น EMC หลังส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% - ตั้งแต่ 18 พ.ค ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมายจนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้

คาดเข้า/ออก SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA /คาดออก RATCH, STGT, KCE

 

ประเด็นติดตาม: 18 พ.ค. – EU CPI, US Building Permits / 19 พ.ค. – US Existing Home Sales, US Initial Jobless Claims, US Fed Manufacturing Index, China PBoC Loan Prime Rate

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)