ธ.ก.ส.คาดราคาสินค้าเกษตรในเดือนนี้ส่วนใหญ่ปรับเพิ่ม

ธ.ก.ส.คาดราคาสินค้าเกษตรในเดือนนี้ส่วนใหญ่ปรับเพิ่ม

ธ.ก.ส.ชี้มาตรการผ่อนคลายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่​ สงครามยูเครนกระทบราคาน้ำมันแพง​

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2565 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น

ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 8,546 -8,719 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.08 - 3.14 ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 11,904 -12,130 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.61 - 3.55 เนื่องจาก​ ภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ประเทศผู้นำเข้ามีความต้องการข้าวเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารและใช้เป็นสินค้าทดแทน ข้าวสาลีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนตัว ส่งผลให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 8,793 - 8,830 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.20 - 0.62 เนื่องจากข้าวเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาอยู่ที่ 9.62 - 9.69 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.28 - 1.06 เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นมีราคาสูง

น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคา 19.38 – 19.60 เซนต์/ปอนด์ (14.49 - 14.66 บาท/กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.21 – 1.32 เนื่องจากแนวโน้มน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ส่งผลดีต่อราคาเอทานอล ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตเอทานอล ประกอบกับการเริ่มเก็บเกี่ยวอ้อยบราซิลล่าช้าและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน ส่งผลให้ประเทศจีนชะลอการนำเข้าน้ำตาลทรายและผลผลิตน้ำตาลทรายจากอินเดีย

ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 62.27 - 63.34 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.61 - 2.34 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ส่งผลให้ความต้องการยางธรรมชาติทดแทนยางสังเคราะห์เพิ่มขึ้นและนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รวมถึงผลผลิตยางพาราในตลาดน้อย เพราะอยู่ในช่วงปิดกรีดยางและพบปัญหาโรคใบร่วงในแหล่งผลิตยางที่สำคัญของไทย

มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.40 - 2.50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.84 - 5.04 เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ในขณะที่ความต้องการการใช้มันสำปะหลังในประเทศและส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ทำให้ความต้องการใช้มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น

กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 153.55 - 155.51 บาท/กก. ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.02 - 2.31 เนื่องจากภาวะต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรลดปริมาณการเลี้ยงกุ้งลง ขณะที่ความต้องการส่งออกเพิ่มขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ส่งผลดีต่อการบริโภคกุ้งในประเทศ

สุกร ราคาอยู่ที่ 93.43 - 95.83 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.11 – 6.78 เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงสุกร เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาสภาพอากาศร้อนทำให้สุกรเจริญเติบโตช้า ผลผลิตเนื้อสุกรออกสู่ตลาดน้อย ส่งผลให้ราคาสุกรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โคเนื้อ ราคา 100 - 105 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.32–5.34 เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายการ เดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายออิดิ้ลฟิตรีหลังการถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อโคปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ราคา 9.63 – 9.75 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.11 – 2.33 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิต

ปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงไตรมาส 2 (เมษายน - มิถุนายน 2565) อยู่ที่ 5.75 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 32.73 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมดต่อปี นอกจากนี้​ ตามนโยบายรัฐมีการปรับสัดส่วนไบโอดีเซลจาก 7%  เหลือ 5% ส่งผลให้สต็อกน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้น