ชาโต เชอวาล บลอง ชิมเจ้า ‘ม้าขาว’ ถึงชาโต

ในแวดวงคนรักไวน์ตัวจริงเสียงจริงแล้ว หนึ่งในยอดไวน์ปรารถนาคือ ชาโต เชอวาล บลอง (Château Cheval Blanc) ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย แต่เป็นเหมือนกันทั่วโลก

ชาโต เชอวาล บลอง เดิมเป็น 1 ใน 4 ไวน์แซง เตมิลยง เปรอะมิเยร์ กรองด์ ครูส์ คลาสเซ กลุ่ม เอ (Saint-Emilion Premiér Grand Crus Classés A) แต่ถอนตัว (พร้อมชาโต โอโซน) ออกจากการจัดเกรดของบัญชี 2022 เพราะไม่สามารถทนความอัปยศของเจ้าของชาโตบางคนได้

มุมหนึ่งภายในชาโต

วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ผมได้ไปเยี่ยมชมและชิม ชาโต เชอวาล บลอง พร้อมกับคณะคนรักไวน์จากเมืองไทยประมาณ 10 คน ซึ่งจัดโดยร้าน Wine in Love สำหรับผมนี่เป็นครั้งที่ 4 กับการไปเยือนชาโตไวน์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ !

ก่อนอื่นพูดถึง แซง เตมิลยง (St.-Emilion) นิวาสถานของ ชาโต เชอวาล บลอง เพราะพื้นที่ของไวเนอะรีเป็นส่วนสำคัญของไวน์

แซง เตมิลยง เป็นตำบลเล็ก ๆ มีพลเมืองประมาณ 2,000 คน แต่ผลิตไวน์ได้ยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในเขตผลิตไวน์สำคัญและเก่าแก่ของเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส อยู่ห่างจากตัวเมืองบอร์กโดซ์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 35 กิโลเมตร องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1999

แปลงองุ่นแมร์กโลต์ ปลูกกุหลาบไว้หัวแปลงเพื่อสังเกตแมลงที่จะมาทำลายองุ่น

แซง เตมิลยง อยู่ในจังหวัดจังหวัดฌีฮรงด์ (Gironde) แคว้นนูเฟล อากีแตน (Nouvelle-Aquitaine) ริมฝั่งขวาของแม่น้ำฌีฮรงด์ (Gironde) จึงเป็นที่มาของคำว่า ไวน์ฝั่งขวา (Right Bank) ร่วมกับตำบลปอเมอฮรอล (Pomerol) ใช้องุ่นแมร์กโลต์ (Merlot) เป็นหลักในการทำไวน์

เหนือสิ่งอื่นใด ไวน์ แซง เตมิลยง มีการจัดเกรดของตัวเองเรียกว่า แซง เตมิลยง คลาสสิฟิเคชั่น (St.-Emilion Classification) จัดครั้งแรกในปี 1955 และมีการปรับเกรดทุก ๆ 10 ปี

ไม่นำไปรวมกับ Bordeaux Classification 1855 ซึ่งไม่มีการปรับใหม่เลย (ยกเว้นปี 1973 ที่ชาโต มูตง ฮร็อธชิลด์ ได้เลื่อนชั้น)

นอกจากนั้นไวน์ แซง เตมิลยง ยังต้องผ่านการตรวจสอบโดยฌูราด (Jurade) หรือคณะกรรมการตรวจคุณภาพองุ่นที่มีการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี 1199

ห้องบ่มไวน์

แซง เตมิลยง คลาสสิฟิเคชั่น แบ่งไวน์เป็น 3 ระดับจากสูงไปหาต่ำ คือ เปรอะมิเยร์ กรองด์ ครูส์ คลาสเซ (Premiér Grand Crus Classés) แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ A และ B

รองลงไปเป็น กรองด์ ครูส์ คลาสเซ (Grand Crus Classés) และสุดท้าย กรองด์ ครูส์ (Grand Crus)

ที่ผ่านมา Premiér Grand Crus Classés กลุ่ม A จะมี 2 ตัวที่ครองบัลลังก์อยู่อย่างเหนียวแน่น คือ ชาโต เชอวาล บลอง (Chateau Cheval Blanc) และ ชาโต โอโซน (Chateau Ausone)

Chateau Cheval Blanc

เมื่อมีการประกาศบัญชี St.-Emilion Classification 2012 ออกมา จึงมี 2 น้องใหม่ขึ้นมาร่วมด้วย คือ ชาโต ปาวี (Chateau Pavie) และ ชาโต อังเฌลุส (Chateau Angelus) รวมเป็น 4 ตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี

การจัดเกรดครั้งล่าสุดปี 2022 St.-Emilion Classification 2022 ชาโต เชอวาล บลอง ได้ถอนตัวดังกล่าว แต่การถอนตัวไม่ส่งผลกระทบต่อการขายแม้แต่น้อย เพราะคอไวน์ยังแย่งกันซื้อเหมือนเดิม และอาจจะมากขึ้นด้วย

ชาโต เชอวาล บลอง กำเนิดในราวปี 1832 ชื่อ Château Cheval Blanc แปลว่า ปราสาทม้าขาว (White Horse Castle) เป็นชาโตที่สร้างชื่อให้กับองุ่น กาแบร์กเนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) เพราะใช้องุ่นพันธุ์นี้ในเปอร์เซ็นต์ที่ถือว่าสูง เมื่อเทียบกับชาโตอื่น ๆ ใน แซง เตมิลยง ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่น 39 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน)

ม้าขาวในห้องรับแขกของชาโต

แปลงองุ่น กาแบร์กเนต์ ฟรอง

ปัจจุบัน Château Cheval Blanc อยู่ในอาณาจักรของ LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) กลุ่มเจ้าของสินค้าเริ่ดหรูราคาแพง (เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง เครื่องประดับ น้ำหอม ฯลฯ) กว่า 70 แบรนด์ ซึ่งซื้อมาในปี 2009 มีไวน์ระดับแพง ๆ ของโลกอยู่ในเครือหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ ชาโต ดีเคม (Château d'Yquem) สุดยอดไวน์ขาวหวาน !!

ในการวิ่งคบเพลิงก่อนโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ซึ่งวิ่งไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศฝรั่งเศส และสเตจที่ 14 มายังแคว้นฌีฮรงด์ ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 ก็มีการจัดกิจกรรมในตำบล แซง เตมิลยง

มีการวิ่งคบเพลิงผ่านชาโตต่าง ๆ ระยะทาง 800 เมตร โดยเฉพาะบริเวณหน้า ชาโต เชอวาล บลอง มีกิจกรรมถึง 15 นาที สาเหตุที่มีเส้นทางพิเศษนี้ได้เพราะ LVMH เป็นหนึ่งสปอนเซอร์รายใหญ่ของโอลิมปิกครั้งนี้นั่นเอง

ไวน์ฉลากสอง

ไร่องุ่น ชาโต เชอวาล บลอง อยู่ติดกับตำบลปอเมอฮรอล (Pomerol) ที่มีไวน์แพงอย่าง ชาโต เปตรุส (Chateau Petrus) แต่คาแรคเตอร์ต่างจากไวน์ปอเมอฮรอล

ชาโต เชอวาล บลอง ผลิตปีละ 8,000 – 10,000 ลัง ส่วนไวน์ฉลาก 2 ชื่อ เลอ เปอตีต์ เชอวาล (Le Petit Cheval) ซึ่งผลิตครั้งแรกวินเทจ 1988 ทำเพียงปีละ 4,000 ลัง และควรจำไว้ว่าวินเทจ 2015 เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการผลิต Le Petit Cheval ถ้ามีใครนำมาเสนอขายให้ นั่นคือ...ของปลอม !!

ขณะเดียวกันวินเทจ 2015 ก็เป็นวินเทจแรกที่ผลิตไวน์ขาวชื่อ เลอ เปอตีต์ เชอวาล บอร์กโดซ์ บลอง (Le Petit Cheval Bordeaux Blanc) เป็นไวน์ AOC ทำจากโซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc) 100% หลังจากนั้นวินเทจ 2018 จึงมีการเบลนด์ เซมิลยง (Semillon) ลงไปด้วย 20%

เจ้าหน้าที่รินวินเทจ 2012 ให้ชิม

วินเทจยอดเยี่ยมของ ชาโต เชอวาล บลอง เช่น 2020, 2019, 2018, 2017, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2005, 2001, 2000, 1998, 1990, 1985, 1983, 1982, 1964, 1962, 1959, 1955, 1953, 1950, 1949, 1948, 1947, 1945, 1929, 1928 และ 1921 เป็นต้น

คราวนี้มาชิม ชาโต เชอวาล บลอง วินเทจยอดเยี่ยมสัก 2 วินเทจ คือ 2012 กับ 2015

ชาโต เชอวาล บลอง แซง เตมิลยง กรองด์ ครู เปรอะมิเยร์ กรองด์ ครู คลาสเซ เอ 2012 (Château Cheval Blanc Saint-Emilion Grand Crus 1er Grand Crus Classés A 2012) วินเทจนี้ชิมที่ ชาโต เชอวาล บลอง จากการเดินทางไปดังกล่าว ทำจากแมร์กโลต์ 54% และกาแบร์กเนต์ ฟรอง 46%บ่มโอ๊คใหม่ 100 %

• สีแดงโกเมนเช้า สดใส
• หอมกลิ่นผลไม้และแยมผลไม้ พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ ราสพ์เบอร์รี เอิร์ธตี้ ดอกกุหลาบ ดอกไวโอเลต สไปซีเฮิร์บ แบล็คเปปเปอร์ จันทน์เทศ กานพลู สโมคกี้โอ๊ค ซีดาร์ ใบยาสูบ ใบชาแห้ง 
• ครีมมี แอซสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นนุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ วานิลลา
• เป็นอีกหนึ่งวินเทจที่คอมเพล็กซ์
• 19.75/20 คะแนน

ชาโต เชอวาล บลอง แซง เตมิลยง กรองด์ ครู เปรอะมิเยร์ กรองด์ ครู คลาสเซ เอ 2015 (Château Cheval Blanc Saint-Emilion Grand Crus 1er Grand Crus Classés A) : ทำจากแมร์กโลต์ 55% และกาแบร์กเนต์ ฟรอง 45% บ่มโอ๊คใหม่ 100 %

• สีแดงโกเมนเข้ม สดใส 
• หอมกลิ่นผลไม้ พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี มัลเบอร์รี และจูนิเปอร์ ดอกลาเวนเดอร์ บัลซามิก มิเนอรัล ไม้จันทน์ ช็อกโกแลตเค้ก กาแฟคั่ว สไปซีเฮิร์บ ชะเอมเทศ อบเชย แบล็คเปปเปอร์ ใบยาสูบ ไส้ดินสอดำ สโมคกี้โอ๊ค วานิลลา 
• ฟูลบอดี้ แอซสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นเนียน จบยาวนานด้วยผลไม้ มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ วานิลลา
• เริ่มดื่มได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แต่น่าจะสุกสะพรั่ง ในอีก 4-5 ปีเป็นอย่างน้อย เป็นอีกหนึ่งวินเทจที่คอมเพล็กซ์แทบทุกอย่าง
• 20/20 คะแนน

ชาโต เชอวาล บลอง ในบ้านเราราคาสูง และบางวินเทจหาซื้อไม่ได้ บางคนบอกว่าได้ชิมสักแก้วหรือครึ่งแก้วก็ถือว่าคุ้มแล้ว !