เขาว่ามา

สังคมไทยมักมีคำหนึ่ง ติดปากอยู่เสมอก็คือ เขาว่ามา
และก็น่าแปลกที่หลายคนก็ตัดสินใจที่จะเชื่อสิ่งที่ เขาว่ามา โดยไม่ได้ตรึกตรอง หรือหาคำตอบที่แท้จริงให้ได้ก่อน
เราเห็นเยาวชน ที่เป็นความหวังนอนาคตของชาติ มีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างที่อ้างอิงกับข้อมูลที่ เขาว่ามา เอามาขยายความจนน่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เราเห็นคนหลายคนปฏิบัติตัวบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นเพราะหลายคนบอกมาว่าทำได้ ตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นกันทุกเมื่อเชื่อวันในชีวิตประจำวันก็คือ การไม่เคารพในกฎจราจร และมารยาทในการใช้รถใช้ถนน ขับกันมั่วไปหมด ทำเรื่องผิด เพราะคิดว่าถูก เห็นใครๆ เขาก็ทำกัน ขณะที่ผู้ดูแลกฎระเบียบเอง บางครั้งบางคราว ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ คือ ทำเรื่องผิดให้กลายเป็นถูกซะ จะได้จบๆ กันไป
ในเชิงการตลาด เขาว่ามา ก็มีผลไม่น้อย ซึ่งไม่ใช่พลังของการบอกต่อ หรือ ปากต่อปาก หรือ word of mouth ซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ และความพร้อมที่จะปักใจเชื่อ ถ้าหากความคิดของตัวเองโน้มน้าวไปทางนั้นอยู่บ้างแล้ว
ผมคลุกคลีอยู่กับแวดวงข่าวสารยานยนต์มาพอควร ทั้งเขียนข่าว คอลัมน์ และจัดรายการวิทยุ ก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ หลายคนที่เดินทางไปบางพื้นที่ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าบางหมู่บ้านใช้รถยนต์ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เหตุผลหนึ่งก็คือ เพื่อนบ้านว่าจะซื้อ บอกว่ารุ่นนี้ดี และที่สำคัญยังบอกว่ารุ่นอื่นๆ ไม่ค่อยดี
และบ่อยครั้งมีคำถามเข้ามาชวนให้ปวดหัวว่าอยากได้รถรุ่นหนึ่ง แต่มีคนเขาว่ามันไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ก็อยากจะสอบถามว่าจริงหรือไม่ ควรจะซื้อหรือไม่ ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ยาก เพราะที่จริงแล้วคนที่จะตอบได้ดีที่สุด คือคนที่ต้องการใช้อย่างแท้จริง
ช่วงหนึ่งที่เมืองไทยเกิดปรากฎการณ์ประหลาด คืออยู่ดีๆ รัฐออกมาช่วยเหลือคนซื้อรถ ทั้งๆ ที่ไม่มีเสียงเรียกร้องให้ช่วยจากทั้งฝั่งคนซื้อและฝั่งผู้ขาย และก็ทำให้เกิดผลกระทบตามมาหลายอย่าง
หนึงในนั้นก็คือ การซื้อรถที่ผิดวัตถุประสงค์ ไม่ตรงกับที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริง แต่ที่ซื้อก็เพราะเชื่อใครๆ เชื่อคนรอบข้างว่าให้ซื้อๆ ไป เพราะได้เงินคืนภาษี แต่ท้ายที่สุด เมื่อได้รถมาแล้วก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะติดเงื่อนไขการถือครอง 5 ปี จึงจะสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้
ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่จะเริ่มครบการถือครอง 5 ปี ทำให้คนในวงการต้องหันมาจับตามองอีกครั้ง ว่าจะมีรถทะลักเข้าสู่ตลาดมือสองมากแค่ไหน ซึ่งตลาดมือสองนั้นเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว ทั้งด้านของสต็อกที่เริ่มบริหารได้สมดุล และโครงสร้างราคาหลังจากที่เริ่มนิ่งปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว คนในวงการหลายคนจึงออกมาบอกว่าช่วงนี้เป็นโอกาสของคนทำตลาดมือสองที่ต้องรีบกอบโกย ก่อนที่รถล็อตใหญ่จะเข้าสู่ตลาดในอีกไม่ช้า
แต่การซื้อแบบเฮโลตามกันไป ตามคำพูดของคนอื่น ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว ที่แม้หลายคนจะรู้ว่าจะมีโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ใช้ในวันที่ 1 ม.ค. ปีนี้ ทำให้รถหลายรุ่นมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น และเขาว่ากันว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมากมายตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว
แต่ถ้าตัวเลขการขายในเดือน ธค.ปีที่แล้ว ก็จะเห็นว่าไม่ได้มีการเร่งการซื้อมากนัก จากยอดขายเดือน ธค.กว่า 7 หมื่นคัน เพิ่มเป็นประมาณ 1 แสนคัน ในเดือน ธ.ค. และต้องไม่ลืมว่าส่วนหนึ่งมาจากยอดของงานมหกรรมยานยนต์
ดังนั้นเมื่อเริ่มต้นปี 2559 ที่เดือน ม.ค.ยอดขายรถอยู่ที่ประมาณ 5.3 หมื่นคัน จึงไม่ทำให้คนในวงการรู้สึกตกอกตกใจเท่าไร
เป็นเรื่องดีที่คนไทยจะซื้อรถจากความต้องการและความจำเป็นจริงๆ และยังได้รับรู้อีกว่าที่เขาว่าราคาจะขึ้นกันหลักแสนหลักล้าน ก็แค่เขาว่ามาเท่านั้น







