ขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ

รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นถัดมาอีกวันจะมีนัดหมายกันล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเลี้ยงอำลาการทำงานร่วมกันมา 11 เดือนพอดิบพอดี นับตั้งแต่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สปช.ทั้ง 250 คน เมื่อ 6 ต.ค.2557

000 งานสังสรรค์นัดนี้เก็บเงินลงขันหัวละ 1,500 บาท และมีผู้ที่จ่ายเงินแสดงความจำนง“ลงเรือลำเดียวกัน” 160 กว่าคนไปแล้ว โดยนอกจากจะเป็นการอำลาหน้าที่ ยังเป็นการแสดงความยินดีกับสมาชิกสปช.สายทหารที่ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง รวมถึงนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรมช.พาณิชย์ และว่ากันว่าอาจมีการพูดคุยถึงการตั้ง“ชมรมสปช.”ด้วย

000 ส่วนอำลากันแล้ว...จะแยกย้ายกลับไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านจริงหรือไม่ ต้องจับตาดูการตั้ง“สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” ที่จะมาทำหน้าที่่แทนสปช.ที่หมดวาระลง เพราะเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคสช. ที่จะแต่งตั้ง 200 คนเข้ามาทำงานเพื่อเดินหน้าการ“ปฏิรูป”ตามแนวทาง 5-6 ด้านที่ถูกย่อยมาจากแนวทางปฏิรูปตามข้อเสนอของคสช. 11 ด้าน ครม. 11 ด้าน และของสปช.อีก 37 หัวข้อ

000 ในวันโหวตรับร่างรธน.แม้ว่าจะมีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและคัดค้าน แต่ก็ทำท่าว่าฝ่าย“หนุน”จะมีเสียงมากกว่าฝ่ายที่คิดจะ“คว่ำ”ค่อนข้างชัดเจน และในวันนั้นใคร“คิด”อย่างไรก็จะได้รู้กัน เพราะนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธานสปช. กำหนดให้เป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยด้วยการขานชื่อสมาชิกเป็นรายบุคคล และตัดสินกันด้วยเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งคือ 124 เสียง จากทั้งหมด 247 คน

000 อย่างไรก็ดีมีหลายประเด็นร้อนที่อาจเป็นตัวแปรในการตัดสินใจโหวตรับร่างรธน. ไม่ว่าจะเป็นการเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก การเลือกตั้งส.ส. การได้มาซึ่ง ส.ว. การถอดถอนและการดำเนินคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบให้แก้ไขได้ยาก ฯลฯ และที่ร้อนสุดสุดก็คือ“คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปฯ” ที่ฝ่ายการเมืองดาหน้าออกมากล่าวหาว่าเป็นการ“สืบทอดอำนาจ”ยาวไปอีกอย่างน้อย 5 ปี

000 กระบวนการต่อจากนั้นจะนำไปสู่การพิมพ์และแจกจ่ายเอกสารร่างรัฐธรรมนูญที่มีกกต.เป็นเจ้าภาพ ก่อนทำ“ประชามติ”ที่แต่เดิมกำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 10 ม.ค.2559 แต่มีเสียงทักท้วงว่าควรจะเลื่อนออกไปเพราะในวันที่ 9 ม.ค.เป็น“วันเด็ก” จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 17 หรือ 24 ม.ค.

000 ในขั้นตอนนี้จะมีคำถามภาคบังคับคือ“เห็นควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ”และอาจพ่วงอีก 2 คำถาม คำถามหนึ่งจากสปช. ที่อาจเป็นเรื่องของ“ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”หรือ“นายกฯคนนอก”และอีก 1 คำถามจากสนช.ที่จะเคาะกันในวันที่ 8ก.ย.นี้ แต่ทั้ง 2 คำถามจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมครม.

000 ส่วนงบประมาณในการออกเสียงประชามติที่พูดกันถึงตัวเลขกลมๆ 3 พันล้านบาท ยังไม่สามารถประเมินแม่นๆได้ในตอนนี้ ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนคำถาม และเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่จะจัดพิมพ์ โดยในเบื้องต้นคำนวณจากเฉพาะค่าบริหารจัดการหน่วยออกเสียง ประมาณ 98,000 หน่วย และจำนวนกรรมการแต่ละหน่วย 7-10 คน คาดว่าจะใช้งบประมาณส่วนนี้ไม่เกิน 2 พันล้านบาท

000 สำนักงานสลากฯ ปรับโครงสร้างเงินรางวัลเป็นวันแรก...ในวันนี้ งวด 1ก.ย.2558 เปลี่ยนการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว จากเดิม 4 รางวัล เป็นรางวัลเลขหน้า 3 ตัว 2 รางวัล และเลขท้าย 3 ตัว 2 รางวัล ส่วนเงินรางวัลยังจ่าย 2,000 บาทเท่าเดิม !!!

...................................

อัชชาวดี [email protected]