แต่ละฝ่ายทำอะไรได้บ้าง หลังเลือกตั้ง 2 ก.พ.

ที่ว่าเลือกตั้งจบนั้นก็ยังไม่จบเสียทีเดียว เพราะยังต้องมีเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งทดแทนกันอีกหลายรอบในระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้ หากการเลือกตั้งไม่ถูกชี้ว่าเป็น "โมฆะ" ไปเสียก่อน

มีการประเมินกันว่าอย่างน้อยๆ ครึ่งปี ประเทศไทยของเราไม่น่าจะมี "รัฐบาลตัวจริง" บริหารประเทศอย่างเต็มศักยภาพได้ มีแต่ "รัฐบาลรักษาการ" ที่ง่อยเปลี้ยเสียขาเพราะถูกรัฐธรรมนูญจำกัดอำนาจ (ตามมาตรา 181) แถมยังมีบาดแผลเหวอะหวะจากปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกศาลตัดสินว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

บรรยากาศในบ้านเมืองเรานับจากนี้ก็จะอึมครึม ซึมๆ หรือขำๆ แบบไทยๆ ผสมกับภาวะไร้อนาคตไปเรื่อยๆ ในขณะที่บ้านอื่นเมืองอื่น...เอาแค่ในภูมิภาคนี้ เขากำลังเตรียมตัวรับอาเซียนกันอย่างคักคึก

เราลองมาดูกันว่า แต่ละฝ่ายในวังวนความขัดแย้ง ที่ล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ในวิกฤติที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำอะไรกันได้บ้าง และพวกเขาคิดจะทำอะไร...

กกต.- สาละวนจัดเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งทดแทน เลือกตั้งซ่อม แต่ไม่ลาออก เพราะมีอำนาจเหนือรัฐบาลรักษาการ รัฐบาลต้องการอะไรต้องมาขอ กกต.

รัฐบาล- กอดความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง จากนั้นก็รักษาการไปเรื่อยๆ ไม่หวั่นเลือกตั้งโมฆะ เพราะอาจได้โอกาส "เซ็ต ซีโร่" แต่ถ้าเลือกตั้งไม่โมฆะ ก็ต้องคอยหานายกฯสำรอง เผื่อนายกฯรักษาการตัวจริง ถูกชี้มูลความผิดในคดีจำนำข้าว

ปชป.- คอยหาจังหวะยื่นตีความล้มการเลือกตั้ง หรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นการขัดขารัฐบาล ถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะก็อาจแต่งตัวลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งใหม่

กปปส.- ยุบเวทีให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อเตรียมชุมนุมระยะยาว รอลุ้นผลงานขององค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ ระหว่างรอก็จัดกิจกรรมเดินไปปิดโน่นปิดนี่ หรือเดินรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาไปพลาง

ทหาร- คอยคำรามในลำคอรายวัน เพราะทำปฏิวัติยึดอำนาจยากขึ้นทุกที เนื่องจากรัฐบาลมีความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง แถมคลิปวีดีโอ "ไอ้โม่งถุงปุ๋ย ณ หลักสี่" ทำให้จำนนต่อหลักฐานว่าฝ่ายที่อ้างมวลมหาประชาชนก็มี "ชายชุดดำ" และ "อาวุธสงคราม" ไม่ต่างจากอีกฝ่าย

ดูเหมือนคำว่า"ประชาชน" กับ "การปฏิรูป"จะถูกลืมไปชั่วคราว อาจเป็นเพราะหมดโปรโมชันในการหามุกตอบโต้กัน หรือเพิ่งเสร็จศึกยกแรกว่าด้วยการเลือกตั้งก็ยังไม่ทราบได้

เท่าที่พิจารณาดู"จุดเปลี่ยน"สถานการณ์ที่ดำรงอยู่มีเพียง 2 จุด คือ

1.นายกฯรักษาการเข้าใกล้การถูกชี้มูลความผิดในคดีจำนำข้าว ซึ่งหากมีการแจ้งข้อหาในคดีอาญา ต้องถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจสุ่มเสี่ยงไม่มีแผ่นดินอยู่ จุดนี้อาจเป็นตัวเร่งให้แกนนำคู่ขัดแย้งหลัก 2 ฝ่ายหันมาเจรจากัน

2.การเลือกตั้ง ส.ว. หากไม่เกิดขึ้นเหมือนเลือกตั้ง ส.ส. เพราะถูกขัดขวางโดยมวลชน กปปส. ก็อาจทำให้กระบวนการถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญมีโอกาสสูงที่จะถอดถอนได้สำเร็จมากกว่าเดิม เพราะใช้ ส.ว.ชุดเดิมที่มี "40 ส.ว." เป็นกลุ่มที่รวมตัวเหนียวแน่นในการลงมติถอดถอน จุดนี้อาจทำให้การเมืองก้าวไปสู่ทางตันได้ง่ายจนต้องหันหน้าเข้าพูดคุยเจรจากัน

ส่วนประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ก็รอลุ้นติดตามข่าวสารไปวันต่อวัน หรือไม่ก็ไปร่วมกับเวทีปฏิรูปเวทีใดเวทีหนึ่งเพื่อร่างแผนยกเครื่องประเทศไปพลางๆ รอบรรดา "พะนะท่าน" ตกลงกันได้ ค่อยมาขับเคลื่อนวาระของประชาชน