"หายหน้าหายตา" ไปนาน

จู่ ๆ อุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง "นักการเมืองรุ่นลายคราม"
ก็ออกมาเดินสายยื่นหนังสือถึง สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ ร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
+++ อุทัย อ้างเหตุผลว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังเป็นปกติดี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีพ.ร.บ.ทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าว เพราะหากสภาพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีคนออกมาต่อต้านจะเป็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า จะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมมากขึ้น โดยผู้ที่ต้องคดีและถูกคุมขังในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 200-300 คน ที่ระบุว่าจะได้รับการนิรโทษตามกฎหมาย ความจริงเขาไม่ใช่อาชญากร แต่ออกมาชุมนุมในฐานะประชาชนผู้รักชาติ ซึ่งสามารถประกันตัวได้ และต้องเร่งกระบวนการยุติธรรมให้เร็วขึ้น จึงไม่อยากให้เอาประชาชนทั้งชาติมาเป็นตัวประกัน
+++ ส่วนที่มองว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผลักดันเพื่อให้ "คนทางไกล" ได้ประโยชน์นั้น นายอุทัย บอกว่า อย่าไปคิดกันถึงขนาดนั้น แต่อยากให้ดูว่าออก พ.ร.บ.ดังกล่าวทำให้เกิดความปรองดองดองจริงหรือไม่
+++ เหตุผลที่ อุทัย ยกมาอ้าง ก็มีน้ำหนักที่เพียงพอรับฟังได้ ซึ่งตรงกับความผิดเห็นของหลายฝ่าย ๆ ว่า มันจะนำไปสู่ ความ "สามัคคี-ปรองดอง" กันได้อย่างแท้จริงหรือไม่ เข้าใจว่า "สังคมส่วนใหญ่" ก็คงไม่มั่นใจว่า "ความสงบทางการเมือง" จะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้ อย่างที่ "คาดฝัน" ไว้
+++ กระนั้นก็ตาม เมื่อ "ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ถูกวางคิวไว้ให้เร่งพิจารณาในสภา วันที่ 7 ส.ค. นี้ ก็คงยากที่ "เสียงส่วนใหญ่" ในสภา จะทำตาม "เสียงข้างน้อย" หรือใครก็ตามที่ออกมาเรียกร้องให้ถอนร่างกฎหมายออกไปในช่วงนี้ "หมูเขาหาม ดันเอาคานเข้ามาสอด" เสียนี่ เรื่องอะไรจะยอม
+++ ดูบรรยากาศของ "กลุ่มมวลชน" ต่าง ๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหว "ล้มรัฐบาล" ในวันที่ 4 ส.ค. หรือ "ต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ระหว่างการพิจารณาในสภา วันที่ 7 ส.ค.นี้แล้ว ยังไม่เห็น "หมัดเด็ด" อะไรที่จะไปทัดทานได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เอง ก็คงหยุดยั้งฝ่ายรัฐบาลในสภาไม่ได้ ดังนั้น ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของ วรชัย เหมะ คงจะผ่าน "วาระแรก" อย่างสะดวกโยธิน
+++ แต่วันใดที่นำเข้าสู่การพิจารณาในสภา วาระ 3 นั่นแหละ "อุณหภูมิทางการเมือง" น่าจะร้อนแรงขึ้น เพราะ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคนสำคัญของประชาธิปัตย์ ประกาศเอาไว้แล้วว่า "แม้เราจะมีอยู่ 100 กว่าคน จะไปสู้ 300 กว่าคนได้อย่างไร แต่เราจะตามไปสู้ต่อในการแปรญัตติทุกมาตรา และถ้าถึงวันที่แพ้ในวาระ 3 ให้เป่านกหวีดยาว ผมจะมายืนอยู่กับประชาชนเป็นไงเป็นกัน ถ้ารัฐบาลถอยก็เจ้ากัน แต่ถ้ายังเดินหน้าต่อถึงวาระ 3 และเราแพ้ถึงวันนั้นจะล้มรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผมเข้าใจทหาร เพราะเมื่อปี 2553 ทหารเป็นคนช่วย แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียกร้องให้ทหารออกมา แต่เรียกร้องให้ประชาชนออกมา"
+++ ไม่รู้เป็น "คำขู่" หรือ "เอาจริง" แต่ถ้าเอาจริง และพลพรรคประชาธิปัตย์ ระดมสรรพกำลังกันมาต่อต้านรัฐบาลเต็มที่ รับรองงานนี้มี "เสียว"...







