การเมืองเป็นพิษซ้ำศก.ไทยตกหล่มลึก

    คือ ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนพายุอีกลูกที่โหมกระหน่ำซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง บรรยากาศความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ผู้ประกอบการลังเลทุ่มเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ หรือแม้แต่ดำเนินแผนธุรกิจที่มีอยู่เดิมอย่างเต็มกำลัง กระทบเป็นลูกโซ่ต่อการจ้างงาน การบริโภค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

    ความผันผวนทางการเมืองที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งพรรคร่วม การเล่นการเมืองของนักการเมืองคุณภาพต่ำ การประท้วงหรือความขัดแย้งเชิงนโยบาย ฯลฯ ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยการวางแผนระยะยาวเกิดชะงักงัน เพราะไม่มีใครกล้าแบกรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขาดความต่อเนื่องหรือความชัดเจนยังสร้างความสับสนและเพิ่มต้นทุนดำเนินธุรกิจ ทำให้ศักยภาพแข่งขันประเทศลดลงอย่างน่ากลัว

    ขณะที่โลกเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อราคาพลังงานและห่วงโซ่อุปทานโลก ภาวะเงินเฟ้อที่เป็นประเด็นใหญ่ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลักหลายประเทศ ปัจจัยลบเหล่านี้ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อประเทศไทยเองก็มีปัจจัยภายในที่ยังวิกฤติ ทั้งหนี้ครัวเรือนที่ไต่ระดับสูงมาก รายได้ ค่าครองชีพที่วิกฤติ ปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง จึงเป็นเสมือนเชื้อไฟที่เติมเข้าไปในกองเพลิง ยิ่งทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเปราะบาง และถดถอยมากขึ้นเรื่อยๆ

    ภาคธุรกิจต้องการความชัดเจน และความมั่นคงทางนโยบาย เพื่อวางแผนและดำเนินการลงทุนได้อย่างมั่นใจ การขาดเสถียรภาพทางการเมืองไม่เพียงทำให้แผนการลงทุนใหม่ๆ หยุดชะงัก แต่ยังอาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพิจารณาถอนลงทุน หรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีเสถียรภาพมากกว่า สร้างความเสียหายระยะยาว สถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและคืนเสถียรภาพทางการเมืองโดยเร็วที่สุด การสร้างความมั่นคงทางการเมือง คือ หัวใจสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ การมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีวิสัยทัศน์ดำเนินนโยบายได้ต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญปลดล็อกศักยภาพภาคธุรกิจ ดึงดูดลงทุน และพาเศรษฐกิจไทยก้าวผ่านช่วงเวลาท้าทายนี้ไปได้