หุ้นไทยเปิดเช้านี้ลบ 1.94 จุด ตลาดชะลอความร้อนแรง หลังขึ้นมากว่า 45 จุด คืนนี้ติดตามตัวเลขจีดีพีสหรัฐ

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ลบ 1.94 จุด  ตลาดชะลอความร้อนแรง หลังขึ้นมากว่า 45 จุด คืนนี้ติดตามตัวเลขจีดีพีสหรัฐ

หุ้นไทย"ภาคเช้า ณ 26 มิ.ย 2568 เปิดตลาดลบ 1.94 จุด หรือลบ 0.18% หรืออยู่ที่ 1,105.75 จุด นักวิเคราะห์เผย ตลาดชะลอความร้อนแรง หลังขึ้นมากว่า 45 จุด คืนนี้ติดตามตัวเลขจีดีพีสหรัฐ ขณะที่ในประเทศจับตาประเด็นการเมืองสัปดาห์หน้า แนะ ชะลอการลงทุน

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 26 มิ.ย 2568 เปิดตลาดลบ 1.94 จุด หรือลบ 0.18% หรืออยู่ที่ 1,105.75 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,148.37 ล้านบาท

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ลบ 1.94 จุด  ตลาดชะลอความร้อนแรง หลังขึ้นมากว่า 45 จุด คืนนี้ติดตามตัวเลขจีดีพีสหรัฐ

วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ชะลอความร้อนแรงลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 40-45 จุด ในช่วงสองวันที่ผ่านมา โดยคาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ออกข้างไปก่อน เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศไม่ได้มีประเด็นใหม่เพิ่มเติม หลังจากที่ตลาดได้ตอบรับข่าวความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านไปแล้ว

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ คืนนี้จะมีประกาศ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/68 ซึ่งตลาดอาจจะไม่เซอร์ไพรส์มากนัก เนื่องจากได้เห็นตัวเลขคาดการณ์ครั้งที่ 1 และ 2 มาแล้ว ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ : นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดในวันศุกร์นี้ 

อย่างไรก็ตาม ให้นักลงทุนรอจังหวะที่ตลาดชะลอตัวลงก่อน และให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงสัปดาห์หน้า เนื่องจากมีปัจจัยทางการเมืองที่สำคัญที่ต้องติดตาม กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีกำหนดนัดพิจารณาในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อตัดสินว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องในคดีของนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสที่จะพิจารณาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากศาลรับคำร้องขณะที่การเปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยได้ยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตา

โดยแนวโน้มตลาดในระยะสั้น อาจอยู่ในลักษณะ Wait and See ไปก่อนในช่วงนี้ หากสัปดาห์หน้าไม่มีประเด็นทางการเมืองที่รุนแรง ตลาดอาจมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ควรเฝ้ารอโซนแนวรับประมาณ 1,190-1,195 จุด

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง โดยเสียงส่วนใหญ่ให้ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75%” สอดคล้องกับเราและตลาดคาด โดย กนง. ประเมินภาพเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า จากความเสี่ยงทั้งนโยบายภาษีสหรัฐฯ, ภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศ โดยให้น้ำหนักของจังหวะและประสิทธิผลของการใช้นโยบายการเงินเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงไม่รีบที่จะปรับลดอกเบี้ยในรอบนี้ ซึ่งเราคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี กนง. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.5% 

ส่วนภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรก ถือว่าขยายตัวดีกว่าที่ กนง. คาดไว้ โดยมาจากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า แต่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังและภาพปีหน้ายังมีความเสี่ยง จึงทำให้รอบนี้ กนง. มีการปรับคาด GDP ปีนี้จะขยายตัว +2.3%y-y และปีหน้าที่ +1.7%y-y จากคาดเดิมในช่วงเดือนเมษายนที่ +2.0% และ +1.8% ตามลำดับ

ขณะที่ SET คาดยังอยู่ในกรอบการฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่ผ่อนคลาย ผสานกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม และ SET Valuation ที่ไม่แพง ดังนั้นกลยุทธ์ยังคงแนะย่อสะสมหุ้น Big cap ที่คาดกำไรเติบโตดี และมี Valuation ที่ไม่แพง ส่วนคืนนี้เกาะติดไตรมาส 1/68 US GDP และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน  

หุ้นแนะนำวันนี้ CENTEL คาดแนวโน้มกำไรฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ต หลังรีโนเวทไปในช่วงที่ผ่านมา ผสานกับรายได้โรงแรมที่ญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วง ไตรมาส 2/68 มาตรการเที่ยวคนละครึ่งคาดกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 3Q25 มากยิ่งขึ้น ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง EV/EBITDA ที่ 8.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 12 เท่า ราคาเป้าหมาย 35 บาท