เส้นตายเทรดวอร์ 2 เม.ย.รัฐบาลเตรียมรับมือแค่ไหน

โดยเฉพาะการขาดดุลการค้าจึงทำให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโกและจีน รวมถึงประกาศเก็บภาษีเป็นการทั่วไปสำหรับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมภายในของตัวเอง

ที่ผ่านมาสหรัฐมีการเจรจาต่อรองกับหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้ระหว่างการเจรจามีการปรับขึ้นหรือลงสำหรับอัตราภาษีบางรายการสินค้าและบางประเทศ โดยในวันที่ 2 เม.ย.2568 สหรัฐเตรียมที่จะประกาศรายชื่อประเทศที่จะมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม ซึ่งสหรัฐให้น้ำหนักกับประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ โดยในปี 2567 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ อยู่ใน 10 อันดับแรก จึงมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะถูกสหรัฐกำหนดมาตรการเพื่อกดดันการส่งออกของไทย

ช่วงเดือน ม.ค.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีตั้งคณะทำงานนโยบายการค้ากับสหรัฐ มีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานเพื่อให้การกำหนดนโยบายด้านการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ มีทิศทางที่ชัดเจน และเกิดประโยชน์สูงสุดประเทศ โดยมีการรวบรวมข้อมูลการค้าและการลงทุนของสหรัฐ เพื่อนำไปสู่การเจรจาการค้าต่างตอบแทนกับคณะผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐ ซึ่งแผนการเจรจานับเป็นความลับที่ไม่เปิดเผยท่าทีของไทย

ประเด็นที่ไทยต้องจับตาอยู่ที่สหรัฐต้องการลดการขาดดุลกับไทยจึงอาจเรียกร้องให้ไทยนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นสินค้าที่ไทยและสหรัฐต่างได้ประโยชน์ และเป็นห่วงโซ่การผลิตซึ่งกันและกันได้ รวมทั้งสหรัฐอาจผลักดันให้ไทยนำเข้าสินค้าที่ยังไม่ได้เปิดตลาดกับสหรัฐ เช่น สินค้าเกษตร ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าจะพยายามเจรจาต่อรองกับสหรัฐ โดยคำนึงผลกระทบต่อเกษตรกรรมและตลาดในประเทศให้น้อยที่สุด

ล่าสุดศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ต่อการส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยถึง 100,000 ล้านบาท เป็นผลกระทบทั้งกรณีส่งออกไปสหรัฐ และกรณีที่สินค้าส่งออกของไทยอยู่ในซัพพลายเชนของสหรัฐและจีน ซึ่งขนาดของปัญหาถือว่าไม่เล็กและเป็นปัญหาที่รัฐบาลควรให้น้ำหนักในการรับมือมากกว่านี้ เพราะผลกระทบไม่ได้จำกัดเฉพาะภาคการส่งออก