การกลับมาของ “มินิ คันทรีแมน” รอบ 7 ปี

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ประกาศการกลับมาเดินเครื่องประกอบรถยนต์มินิ คันทรีแมน (Mini Countryman) ที่โรงงานประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากเลิกไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ระบุว่าตัดสินใจเปิดสายการประกอบ มินิ คันทรีแมน (Mini Countryman) ที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง อีกครั้งในรอบ 7 ปี เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย และการตอบสนองความต้องการรถยนต์ระดับพรีเมียมในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นในระดับราคาที่เข้าถึงได้
ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้พัฒนากระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่น สามารถรองรับการผลิตมินิ คันทรีแมน เอส ALL4 ทั้งรุ่น Classic และ Hightrim บนสายการผลิตเดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและรักษามาตรฐานคุณภาพระดับสูง ทำให้มินิ คันทรีแมนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
โดยราคาของ มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 จากสายการผลิตโรงงานระยองราคาเริ่มต้น 2,599,000 บาท ในรุ่น Classic และ 2,799,000 บาท ในรุ่น Hightrim
เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นที่มีต่อตลาดไทย และความเชื่อมั่นในศักยภาพของรถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงรุ่นนี้
“มินิ คันทรีแมน เอส ALL4 เป็นที่ถูกใจของแฟน ๆ มินิในไทยตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2567 ด้วยความโดดเด่นจากเรื่องโครงสร้างตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมินิ ทั้งหน้าสั้น ท้ายยาว ฐานล้อที่ยาวขึ้น และกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยม” รูเก้กล่าว
นอกจากนี้ยังเติมสีสันให้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยตัวเลือกสีใหม่ คือ สีน้ำเงิน Slate Blue หลังคาสีดำ Jet Black
โดยรุ่น Classic เลือกใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ Asteroid Spoke
รุ่น Hightrim เพิ่มขนาดล้อเป็นขนาด 19 นิ้วแบบทูโทน ดีไซน์ Kaleido Spoke
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ทั้งรุ่น Classic และ Hightrim อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 7.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทั้งรุ่น Classic และ Hightrim ติดตั้งไฟหน้า LED พร้อมระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ ฝาครอบกระจกข้างสีดำ และรางสำหรับขนสัมภาระบนหลังคา
รุ่น Hightrim เพิ่มความโดดเด่นในห้องโดยสารด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา และเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตแบบ John Cooper Works เพดานห้องโดยสารมาดขรึมในสีดำ Anthracite และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon
ส่วนรุ่น Classic หุ้มเบาะนั่งด้วยผ้าและหนังเทียม Vescin สีดำตัดน้ำเงิน และรุ่น Hightrim ใช้หนังเทียม Vescin ล้วนในโทนสีน้ำตาล Vintage Brown และดำ Dark Petrol
ทั้ง 2 รุ่นย่อย มีตัวช่วยในการขับขี่และเข้าจอด ทั้ง Dynamic Stability Control (DSC), Dynamic Brake Control (DBC), Park Distance Control (PDC) ระบบแจ้งเตือนการชนหลังเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
มีให้เลือก 6 สีได้แก่ น้ำเงิน Slate Blue, เขียว Smokey Green, น้ำเงิน Blazing Blue, ขาว Nanuq White, เงิน Melting Silver และแดง Chili Red II
สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เริ่มเปิดสายการผลิตตั้งแต่ปี 2543 โรงงานมีพื้นที่การผลิตกว่า 253,000 ตารางเมตร
โรงงานสามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 18 รุ่น โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิมากกว่า 30,000 คัน/ปี และรถจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สูงสุดที่ 15,000 คัน/ปี ถือเป็นหนึ่งในโรงงานประกอบรถยนต์ที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด







