โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

ลองขับ โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี (Toyota HILUX TRAVO-e) ปิกอัพ อีวี รุ่นแรกของโตโยต้าที่ทำตลาดเชิงพาณิชย์ เปิดตัวมาเพียงรุ่นเดียว คือ Double Cab 4TREX ค่าตัว 1,491,000 บาท

การเปิดราคาของ โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี (Toyota HILUX TRAVO-e) หลายคนมองว่าอาจจะดูแรงไปสักหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวในตลาดอีวี กับ เกมราคา

ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันว่าโตโยต้าจะเน้นทำตลาดมากน้อยแค่ไหน เพราะเบื้องต้นตั้งเป้าจำหน่ายไว้แค่ 500 คัน เท่านั้น ทำให้หลายคนมองว่าหรือจะเป็นแค่การผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้า bZ4X จากญี่ปุ่นที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมภาครัฐ หรือ อีวี 3.5 (EV 3.5) เป็นหลัก

เพราะการผลิตชดเชยตามมาตรการ อีวี 3.5 ระบุว่า หากเริ่มผลิตในปี 2569 จะต้องผลิต 2 เท่า แต่หากผลิตปี 2570 จะเพิ่มเป็น 3 เท่าตัวนั้น สามารถผลิตรถรุ่นไหนก็ได้ หากรถที่นำเข้ามาทำตลาดมีราคาจำหน่ายไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งแน่นอน bZ4X เข้าเกณฑ์นี้ 

ส่วนเป้าหมายการผลิตนั้นอยู่ที่ 5,000 คัน นั่นหมายความว่า เป้าหมายของ ทราโว่-อี ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่จะส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศด้วย ทั้ง ยุโรป หรือว่า ออสเตรเลีย 

ทราโว่-อี ติดตั้งแบตเตอรีลิเธียม ไอออน ชนิด NMC ความจุ 59.2 kWh รองรับการขับขี่สูงสุด 315 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง  อ้างอิงจาก Eco Sticker ตามมาตรฐาน NEDC

  • รองรับการชาร์จ AC สูงสุด 10 kW  
  • รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 125 kW

เรื่องของระยะทางในการใช้งาน เป็นอีกประเด็นที่หลายคนมองว่าอาจจะน้อยไปสักหน่อย โดยเฉพาะกับรถปิกอัพ ที่ส่วนใหญ่ใช้งานกันยาว ๆ นาน ๆ ในแต่ละวัน

แต่ว่าก็มีบางกลุ่มที่อาจจะไม่จำเป็นต้องขับไกล ๆ ในแต่ละวันนัก ทั้งลูกค้าทั่วไป หรือ ลูกค้าองค์กร ที่ต้องกาารเรื่องของพลังงานสะอาด หรือ การเป็นองค์กรสีเขียว

เกี่ยวกับเรื่องระยะทางในการขับขี่นี่ โตโยต้า บอกว่าจริง ๆ แล้วจะเพิ่มควมจุแบตเตอรีเข้าไปอีกก็สามารถทำได้ แต่ที่ไม่ทำ เพราะว่าต้องการพื้นที่ว่างให้กับเคส

พูดง่าย ๆ ให้มีระยะห่างของเคสกับโมดูลแบตเตอรี พอควร และด้านนอกของเคส ก็จะเผื่อพื้นที่สำหรับตัวป้องกันกระแทก ทั้งด้านข้าง ด้านล่าง ด้านบน ทั้งพวกคานต่าง ๆ เหล็กรังผึ้ง รวมถึงไดมอนด์ การ์ด

ทำให้หากเกิดอุบัติเหตุตัวป้องกันเหล่านี้จะรองรับแรงไม่ให้ถึงเคส แต่ถ้าหากว่ามันแรงถึงเคส ก็ยังมีระยะห่างจากแบตเตอรี แต่ถ้าหากใส่เข้าไปแน่นๆ ขับได้ไกล ๆ จะมีความเสี่ยงต่อความเสียหาย

ทราโว่-อี เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive  

  • กำลังรวมสูงสุด 196 แรงม้า 
  • แรงบิดสูงสุดมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 205 นิวตันเมตร 
  • แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าหลัง 269 นิวตันเมตร 

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

โดยระบบ AWD จะจัดการการทำงานของมอเตอร์ 2 ตัว ตามความเหมาะสมของเส้นทาง แต่ในภาวะปติก การขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ที่ 40% ด้านหลัง 60%

ในแง่ของโครงสร้างตัวรถ แชสซีส์ แม้จะเป็นตระกูลเดียวกับ ไฮลักซ์ ทราโว่ เครื่องยนต์ดีเซล แต่มีหลายจุดที่แตกต่างกัน เช่น เอาคานขวางช่วงใต้ห้องโดยสารออก เพื่อเปิดทางให้แบตเตอรี แต่ไปเสริมคานขวาง ด้านหน้า ด้านหลังแทน เพื่อไม่ให้เสียความแข็งแรง

เพิ่มจุดเชื่อมพื้นตัวถัง เพื่อเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสาร และทำให้การทรงตัวดีขึ้น ความนุ่มนวลในการขับขี่ดีขึ้น 

ยางรองตัวถังแบบ Shear Type เพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร แกนพวงมาลัยขนาดใหญ่ เพื่อให้ควบคุมรถตอบสนองดีขึ้น และลดแรงสั่นสะเทือน

โตโยต้า ออกแบบให้การกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง เท่ากันพอดี 50/50 ส่วนเรื่องของจุดศูนย์ถ่วง โตโยต้าบอกว่าต่ำกว่า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี จากการจัดวาง แบตเตอรีใต้ห้องโดยสาร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ 

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

แต่โตโยต้ายืนยันว่าไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการใช้งานออฟโรด หรือ ลุยน้ำ ซึ่งรถคันนี้สามารถลุยน้ำลึกได้ 70 เซนติเมตร ส่วนเส้นทางออฟโรดก็ติดตั้ง “DIAMOND GUARD” เพื่อปกป้องแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า ประกอบด้วย 

แผ่นปิดเสริมความปลอดภัย ทั้งด้านหน้าและใต้ท้องรถ แบตเตอรี่ยึดกับเฟรมย่อยเป็นรูป Diamond Shape ช่วยลดความเสียหายต่อแบตเตอรี่จากการบิดตัวของเฟรมระหว่างการใช้งาน และโครงสร้างดูดซับแรงกระแทก เพื่อเสริมความปลอดภัยจากการกระแทกรอบทิศทาง

ซึ่งตรงนี้เพิ่มน้ำหนักเข้ามาไม่น้อย

ก็ต้องลองดูกันครับว่า เมื่อต้องขับขี่ออฟโรด ทำงานได้ดีแค่ไหน โดยการทดสอบผ่านหลายอุปสรรค เช่น ลุยน้ำ ลุยโคลน ทางเอียง เนินสลับ ทางขึ้นลงเนิน ซึ่งโดยโครงสร้างของรถผ่านไปได้ไม่ยากอะไร ไม่ติด ไม่ขูด

ทั้งนี้ ทราโว่ อี มีระยะยืดยุบของล้อได้ 50 ซม.

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

ทราโว่ อี นั้น มี Multi Terrain Select ให้ใช้ โดยไม่ต้องไปเลือก 4 H  หรือ 4L เพราะระบบจะจัดการให้ แต่ผู้ขับก็ยังสามารถเลือกโหมดย่อยได้หลากหลาย ทั้ง Dirt, Mud, Sand, Rock,หรือจะเลือก Auto ก็ได้

และมีตัวเด่นคือ Mogul ที่เหมาะกับการขับขี่ในทางป่าเขา พื้นผิวไม่เรียบ ที่จะช่วยการขับที่ความเร็วต่ำ และลดการลื่นไถลของล้อ 

เช่น เมื่อขับในเนินสลับ เมื่อมีล้อที่ลอยขึ้นไม่ติดพื้น ระบบจะตัดการส่งกำลังไปล้อนั้น แล้วส่งไปยังล้ออื่นแทน ทำให้ผ่านอุปสรรคได้ง่าย ๆ 

ส่วนเรื่องพละกำลังไม่ต้องพูดถึง สบาย ๆ การขับขี่ก็แค่กดคันเร่งเบา ๆ ก็เรียกแรงบิดมาใช้งานได้เร็ว การปีนเนิน หรือ ขับในน้ำ ในทางโคลนก็ผ่านไปได้ง่าย ๆ 

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

ส่วนระบบอื่น ๆ ก็มีให้ใช้ในการขับขี่ออฟโรด เช่น ระบบช่วยออกตัวบนเนิน หรือ ช่วยลงเนิน โดยผู้ขับไม่ต้องใช้เบรก ระบบจะจัดการให้เอง

ทีนี้มาดูการขับขี่ทางเรียบกันบ้าง จุดเด่นอยู่ที่ความลื่นไหลในการถ่ายทอดพลังงานที่นุ่มนวลกับจังหวะเพิ่มหรือลดความเร็ว การตอบสนองไม่ได้จี๊ดจ๊าดมากนัก แต่มาได้อย่างต่อเนื่อง นุ่มนวล แต่รวม ๆ ก็กระฉับกระเฉงกว่า เครื่องยนต์ ช่วยให้ขับได้สนุก

บวกกับการเซ็ทรถที่ไม่ได้รู้สึกว่าอุ้ยอ้าย จากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาพอควร ทำให้ขับได้เนียน ๆ และไม่ต้องปรับตัวอะไรแม้ใครขับปิกอัพดีเซลมาทั้งชีวิตก็ตาม

ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการใช้ศูนย์ถ่วงที่ต่ำช่วงดึงน้ำหนักส่วนเกินออกไปจากความรู้สึกของผู้ขับขี่ 

ช่วงล่างเซ็ทได้ดี การขับขี่ที่ความเร็วสูง หรือเข้า-ออกทางโค้ง นิ่ง ไว้ใจได้

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

จะมีบ้างก็เรื่องความกระด้าง ในช่วงที่จะต้องเจอเส้นทางขรุขระหรือคอสะพาน แต่ก็เป็นเรื่องปกติของปิกอัพ ที่ช่วงล่างด้านหลังที่เป็นแหนบแผ่นซ้อน แต่ว่าถามเพื่อน ๆ ที่ไปขับ ทราโว่ ใหม่มาแล้ว เขาบอกว่าทราโว่จะดูดซับในส่วนนี้ได้ดีกว่า

แต่ผมว่าถ้าซื้อไปใช้งาน เมื่อบรรทุกสัมภาระเข้าไปสักหน่อย น่าจะดี 

โดยรวมเป็น ปิกอัพ อีวี ที่ขับง่าย ขับได้สนุก ช่วงล่างเกาะถนนมั่นใจได้ อาการโยก โยน น้อย แต่กระด้างบ้างในบางเส้นทาง ส่วนเรื่องของระยะทางการใช้งาน อาจจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานในเส้นทางที่ไม่ไกลนักหรือเป็นเส้นทางที่แน่นอน 

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

และอีกจุดขายที่โตโยต้าหยิบยกมาคือ เรื่องของการดูแล และการบริการหลังการขายที่มีเครือข่าย 153 ตัวแทนจำหน่าย 452 สาขา  ความพร้อมของอะไหล่ รวมถึงการประกันภัย

ด้านค่าใช้จ่าย โตโยต้ามีตัวอย่างเปรียบเทียบกับรถโปรโตไทป์อย่าง ไฮลักซ์ รีโว่-อี (Revo-e) ที่นำไปใช้งานจริงเป็นรถสองแถววิ่งบริการที่พัทยา โดยพบว่าการขับขี่ 3 หมื่น กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายลดลง 3.6 หมื่นบาท/ปี หรือ 40% หากใช้บริการชาร์จสาธารณะ หรือ DC หรือเท่ากับ 1.9 บาท/กิโลเมตร 

แต่ถ้าเป็น Home Charge ชาร์จในช่วง off-peak จะประหยัดได้ 70% หรือค่าใช้จ่าย 0.9 บาท/กิโลเมตร ลดลงปีละ 6.6 หมื่นบาท/ปีเทียบกับเครื่องยนต์ 3.1 บาท/กม.

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม คำนวณจากการใช้งาน 5 ปี รถน้ำมันดีเซล ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 45.2 ตันคาร์บอน

ส่วน รีโว่-อี มีส่วนในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แบบ well to wheel หรือคิดตั้งแต่บ่อน้ำมันมาจนถึงการแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า 11.2 ตันคาร์บอน

โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทางเรียบนิ่ง ออฟโรดลุยได้ ระยะทาง ?

ด้านค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา โตโยต้าระบุว่า ทราโว่-อี คิดเป็น 25% ของรถที่ใช้เครื่องยนต์ และใกล้เคียงกับปิกอัพ อีวีในตลาด

ส่วนความได้เปรียบที่ชัดเจนกับอีวีแบรนด์อื่น นอกจากเครือข่ายที่มากกว่ากันมาก ก็คือความพร้อมด้านอะไหล่ หรือ การออกแบบชิ้นส่วนบางอย่างที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อม เช่น มอเตอร์ที่แยกส่วน หากต้องซ่อมก็ไม่ต้องซ่อมยกลูก หรือ อินเวอร์เตอร์ ที่แยกเป็น 2 ชิ้นเช่นกัน แยกซ่อมได้

และนั่นมีผลต่อเนื่องไปยังเรื่องของประกันภัยที่ปัจจุบันมีพันธมิตร 7 ราย ที่มีระดับเบี้ยประกันไม่สูงเกินไป เริ่มต้น 3.3 หมื่นบาท

ก็ลองบวกลบคูณหาร ทั้งเรื่ององราคา สมรรถนะ ระยะทางการใช้งานที่เหมาะสม และค่าใช้จ่ายองค์รวม ก่อนตัดสินใจกันดูครับ