"หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"

เครื่องมือพัฒนาความคิด ก้าวข้ามวิกฤตสู่ความยั่งยืน
จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรง ทรัพยากรมีจำนวนลดน้อยลง ตลอดจนวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย อันเป็นผลเนื่องมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจในแบบทุนนิยมสุดโต่งนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา เป็นความเดือดร้อนที่ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตระหนักแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องร่วมกันคิด นำเสนอวิธีและหามาตรการนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย และอดีตเลขาธิการอาเซียน ร่วมกับคณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเจนีวาและมูลนิธิมั่นพัฒนา ได้แสดงปาฐกถาต่อผู้เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development) หรืออังค์ถัด (UNCTAD) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หัวข้อ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุนหรือสวนทางกับหลักการโลกาภิวัฒน์ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” (Sufficiency Economy Philosophy (SEP) : Complement or Against Globalization Reaching Sustainable Development) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ดร.สุรินทร์ร่วมกับสถานทูตไทย ประจำกรุงปารีส และมูลนิธิมั่นพัฒนาได้แสดงปาฐกถาเรื่อง “การปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องความพอเพียงในโรงเรียน” ในการรประชุมองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นของโลกที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ทำให้หลายฝ่ายต้องหันกลับมาทบทวนถึงแนวทางการพัฒนาที่นำไปสู่ความยั่งยืน หรือ Sustainable Development แทนการพัฒนาแบบเดิม“ภายใน 35 ปี ข้างหน้า ประชากรโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 7,000 ล้านคนในปัจจุบัน เป็น 9,000 ล้านคน ปัญหาคือ ถ้าเรายังคงฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักพอเพียง เราจะต้องเผชิญกับปัญหาที่จะเกิดตามมาอีกมาก และจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งยิ่งขึ้น”
ขณะที่ทุกฝ่ายพยายามหาทางออกแนวคิด “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยหลักคิดที่มีความเป็นสากลและสอดคล้องต่อการบริหารจัดการในทุกมิติ
“วิถีเศรษฐกิจพอเพียงจะนำไปสู่ความตระหนักรู้ว่าโลกนั้นต้องถูกประคับประคอง ใครคิดจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงความบอบบางของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ น้ำ เพราะสภาพแวดล้อมของโลกนั้นเปราะบางมาก”
ดร.สุรินทร์กล่าวต่อวา “วิธีมองหรือแก้ปัญหาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับพสกนิกรของพระองค์ท่าน ได้ตอบสิ่งที่โลกกำลังต้องการในขณะนี้พอดี”
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้คนเรามีวิธีคิดวิธีวิเคราะห์ สามารถวางแผนจัดการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ด้วยหลักความพอเพียง รู้จักประเมินศักยภาพของตนเอง ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ทั้งนี้ยังได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของโครงการปิดทองหลังพระฯ จังหวัดน่าน จากการลงพื้นที่ดูงานด้านการเกษตรและการจัดการน้ำตามแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยได้กล่าวว่า เดิมปัญหาของพื้นทีแห่งนี้คือมีวิธีการปลูกพืช การทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว การบุกรุกพื้นที่ และปัญหาหนี้สิน แต่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นกลไกสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่พิสูจน์ให้ชาวบ้านที่ข้าร่วมโครงการได้ตระหนักด้วยตัวเองว่า ถ้าพวกเขารู้จักจัดการชีวิตตัวเอง รวมทั้งรู้จักการจัดการต้นทุนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือทรัพยากรที่มีชีวิตจะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข
โครงการปิดทองหลังพระฯ จังหวัดน่าน สอนให้ชาวบ้านรู้จักวิธีการสร้างฝาย การทำบ่อพวง การบริหารรจัดการน้ำ ซึ่งเป็นแนวทางในการจัดสรรน้ำ ทำให้ชาวบ้านมีน้ำใช้ สามารถเพาะปลูกได้ทุกฤดู และยังเสริมความรู้เรื่องการปลูกพืชหลังนา สนับสนุนพันธุ์พืช ตลอดจนสอนการสร้างตลาดของตัวเองในท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองมีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถปลดหนี้และมีเงินเก็บ ชาวบ้านสามรถบริหารจัดการชีวิตได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“ชาวบ้านในพื้นที่ยังมีส่วนร่วมในการเป็นผู้สร้างและบริหารจัดการทรัพยากรด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ หวงแหน และเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมที่จะดูแล ทำให้ชุมชนมีการพึ่งพาอาศัยกันเองในระบบนิเวศ ที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ไม่แย่งชิง ความเลื่อมล้ำก็น้อยลง“
เมื่อมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนที่เคยย้ายถิ่นฐานออกไปรวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบก็กลับมาเริ่มต้นชีวิตและประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่บ้านเกิด
ดร.สุรินทร์กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้เหมือนเทียนที่จุดกันทีละกลุ่ม แล้วโลกก็จะสว่างไสว หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือการส่งเทียนไปให้ชาวบ้าน และใช้เป็นแนวทางเป็นแสงสว่างในชีวิต ขยายไปสู่แสงสว่างของสังคม ประเทศชาติและโลกในที่สุด
“ผมได้ไปถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้ชาวต่างชาติฟัง อธิบายให้เขาเห็นว่าปี 2540 ประเทศไทยก็เคยเจอปัญหาเดียวกันกับทั่วโลกกำลังเจอในขณะนี้ เพราะคนของเราวิ่งตามกระแสโลกาภิวัตน์ มีการแข่งขันทุกเรื่อง แต่แนวคิดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เป็นหลักการในการดำรงชีพอย่างมีสติ เป็นทางสายกลางในการควบคุมสติ ใช้ปัญญาและเหตุผล เพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน มีความแข็งแรงที่จะเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวจากสภาพวิกฤตปัญหาเหล่านั้นมาได้ และก็เชื่อว่าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงดังกล่าวจะช่วยให้แต่ละประเทศพร้อมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้”
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ต่อต้านการเติบโตหรือการพัฒนาในแบบโลกาภิวัตน์ แต่ต้องเป็นการพัฒนาหรือเจริญเติบโตแบบมีคุณภาพ มีเสถียรภาพ มีการแบ่งปันกันทั่วถึง และมีความพร้อมทีพร้อมจะใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์อย่างมีสติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวิธีคิดและค่านิยมที่ควรสร้างให้เกิดขึ้น
ดร.สุรินทร์กล่าวต่อว่า ผลจากการที่บรรยายในวันนั้น ทำให้ชาวต่างชาติหลายคนอยากจะมาดูงานที่ประเทศไทย หลายคนบอกว่า เข้าใจแล้วว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นตรงกับสิ่งที่โลกกำลังต้องการและเชื่อว่าเป็นโอกาสในการแก้ไขความยากจน และปัญหาความเหลื่อมล้ำให้หมดไปได้












