สมดุลความสุข (จบ)

สมดุลความสุข (จบ)

การใช้ทุกวันให้คุ้มค่าเป็นเรื่องสำคัญ

การมาถึงของยุคดิจิทัลนั้นยกระดับการใช้ชีวิตของเราให้สะดวกสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงบริการต่างๆ ที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เข้าถึงข้อมูลมากมายที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่เราใช้ทำงานหารายได้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

แม้จะมีข้อดีมากมายแต่ในความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับว่ากระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากโลกดิจิทัลนั้นก็มีแง่ลบตามมาไม่น้อยโดยเฉพาะเด็กๆ ที่พ่อแม่จำนวนมากปล่อยให้เด็กเติบโตมากับมือถือและแทบเล็ต

เด็กกลุ่มนี้มักขาดทักษะในการเข้าสังคมเพราะติดเกมหรือโซเชียลมีเดียจนไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และอาการดังกล่าวก็ไม่ได้มีเพียงแค่เด็กรุ่นใหม่ แต่กลายเป็นว่าผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เริ่มขาดการเชื่อมโยงกับสังคมเพราะเอาแต่หมกหมุ่นกับโซเชียลมีเดีย

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เทคโนโลยีที่ควรจะสร้างความสุขความสบายให้เราอย่างที่ควรจะเป็น กลับทำให้เราหาความสุขไม่เจอ เพราะเรามักใช้มันจดจ่อกับบางเรื่องมากเกินไปจนไม่มีความสุข และการแก้ปัญหาของคนกลุ่มนี้มักลงเอยด้วยการบริโภคของใหม่ๆ เพราะคิดว่าช่วยเติมเต็มความต้องการให้ตัวเองได้ แต่สุดท้ายก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม

เมื่อความสุขกลายเป็นของหายาก หลายคนจึงเริ่มมองหาแก่นแท้ของชีวิตด้วยการค้นหาความหมายของชีวิตเพื่อหาความสงบสุขที่ยั่งยืน ซึ่งจะพบว่ามันไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทองภายนอก แต่เป็นเรื่องของจิตใจภายในต่างหาก

การแสวงหาความสุขจากวัตถุถือเป็นความสุขในโลกยุคปัจจุบันที่เน้นเรื่องของการ “บริโภคนิยม” แต่ความสุขนั้นมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานเพราะมันไม่ได้เติมเต็มสิ่งที่อยู่ในใจของเรา ในขณะที่หลายคนหันไปหาการสร้างความสุขด้วย “การให้” กลับพบว่าช่วยสร้างความยั่งยืนในจิตใจได้ดีกว่ามาก

กิจกรรมช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นการสร้างความสุขด้วย “การให้” ที่ตอบความต้องการลึกๆ ในจิตใจมากกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะพบว่าความหมายที่แท้จริงของมีชีวิตอยู่นั้นไม่ได้มีเพียงตัวเราเป็นศูนย์กลางของจักรวาลแต่เป็นสังคมและคนที่อยู่รอบตัวเรา

บางคนอาจคิดว่าการช่วยเหลือสังคมเป็นเรื่องของคนมีเงินเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะพบคนจำนวนมากที่เสนอตัวมาช่วยเหลือสังคมนั้นมาด้วยใจล้วนๆ คืออาศัยแรงของตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองใดๆ แต่มาช่วยงานทุกด้านเพื่อช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น

“การให้” ในรูปแบบนี้จึงมีค่าไม่ต่างอะไรกับคนร่ำรวยที่บริจาคเงินทองช่วยเหลือผู้อื่น นับเป็นความสุขที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ สวนทางกับกระแสเทคโนโลยีในทุกวันนี้ที่มีสินค้าและบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมายจนคนซื้อไม่ทัน แต่กลับมีความสุขที่ได้บริโภคเพียงชั่วข้ามคืน

การใช้ชีวิตของคนเราไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนล้วนมีข้อจำกัดที่ “เวลา” เหมือนกันทุกคน การใช้ชีวิตของเราจึงต้องสร้างสมดุลระหว่างความสุขที่ได้จากวัตถุ กับความสุขภายในจิตใจโดยเฉพาะที่เกิดจากการให้ เมื่อมีสมดุลแล้ว เราก็จะเริ่มพอใจในชีวิตและเริ่มพบกับความสุขที่แท้จริง

แม้ว่าเวลาของเราจะมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และมาตรฐานการใช้ชีวิตที่ดีกว่าในอดีตทำให้อายุขัยโดยเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็นเกือบๆ 80 ปี จนเราเห็นคนอายุเกิน 90 ปียังคงแข็งแรงเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าลืมว่ายาอายุวัฒนะนั้นไม่มีจริง อย่างไรเสียเราก็ต้องจากโลกนี้ปีไปในท้ายที่สุด

เวลาจึงเป็นข้อจำกัดสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ การใช้ทุกวันให้คุ้มค่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงต้องรู้จักสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นเพื่อได้พบกับความสุขที่แท้จริงซึ่งเกิดจากภายในจิตใจของเราเอง