‘สุขใจ’ จี้อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมปี 61

‘สุขใจ’ จี้อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมปี 61

“สุขใจ” อุปกรณ์อัจฉริยะทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ดูแลผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ ชูจุดแข็งในการตรวจจับท่าทางการเคลื่อนไหว ทันทีที่วิเคราะห์พบความเสี่ยงจะนำไปสู่การล้ม จะส่งสัญญาณแจ้งผู้ดูแลและศูนย์สุขภาพผ่านสมาร์ทดีไวซ์

นวัตกรรมทางการแพทย์ที่สอดรับกับสภาพสังคมปัจจุบันอย่าง “สุขใจ” ซึ่งสามารถตรวจจับการล้ม ตรวจวัดข้อมูลสุขภาพเบื้องต้น เช่น อัตราการเต้นหัวใจ นับก้าวเดิน การเผาผลาญแคลอรี วิเคราะห์การนอนหลับ รวมทั้งวิเคราะห์แนวโน้มการเกิดโรคไม่ติดต่อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เตรียมใช้งานจริงในโรงพยาบาล บ้านพักคนชราและครัวเรือนทั่วไปในช่วงกลางปี 2562


ตัวช่วยดูแลผู้สูงอายุ
รัตติพล ตันยา กรรมการผู้จัดการบริษัท อาตาปี จำกัด กล่าวว่า เดิมทำธุรกิจซอฟต์แวร์แอนิเมชั่นกระทั่งเห็นความจำเป็นเรื่องของผู้สูงอายุ จากทั้งพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดและผู้สูงอายุที่รู้จักมีปัญหาการล้ม และส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิต จึงสนใจและเริ่มศึกษาข้อมูล


“แนวโน้มของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังมีสัดส่วนถึง 20% ของผู้สูงอายุทั้งหมด หากมีอุปกรณ์ที่จะช่วยเตือนกรณีที่ช่วยลดความเสี่ยงการล้มของผู้สูงอายุได้ ก็จะเป็นโอกาสที่ดี จึงเริ่มเก็บข้อมูลจากโรงพยาบาล พบว่า ส่วนมากมักเป็นเครื่องที่ตรวจจับการล้มเพียงอย่างเดียว และต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน”


ความเป็นบริษัทไทยที่พร้อมดูแลเรื่องของการบำรุงรักษาหลังการขาย ทำให้รัตติพลเดินหน้าพัฒนาตรวจจับการล้มของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในชื่อ “สุขใจ” โดยมีจุดเด่นในเรื่องของการตรวจจับท่าทางที่ไม่เพียงแค่การล้ม แต่หลากหลายทั้งการนอนนิ่ง การนอนที่มีการเคลื่อนไหว นั่ง ยืน เดิน วิ่ง หรืออยู่บนยานพาหนะ


สุขใจอยู่ในรูปของจี้ห้อยคอทรงสี่เหลี่ยม ขณะสวมใส่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่เมื่อมีพฤติกรรมหรือการกระทำที่แปลกไป ระบบจะวิเคราะห์แนวโน้มที่จะล้ม แล้วเตือนภัยกรณีเกิดฉุกเฉินผ่านระบบศูนย์สุขภาพ (Health Center) ซึ่งเป็นบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ ญาติ โดยประสานกับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้สูงอายุ/ผู้ป่วย


“เราวางแผนมุ่งเป้าไปยังบ้านพักคนชราและโรงพยาบาล ในช่วงปลายปีนี้จะนำร่องทดสอบใช้งานใน 2-3 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 6 เดือนในการเก็บข้อมูล จากนั้นจะทำการตลาดในช่วงกลางปี 2562 สำหรับบุคคลทั่วไป ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ราคาขาย 3,000-5,000 บาทต่อเครื่อง พร้อมการดูแลหลังการขาย” รัตติพล กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กำหนดให้วันที่ 5 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันนวัตกรรมแห่งชาติ” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านนวัตกรรม เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับ “โครงการแกล้งดิน” โดยการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสภาพดินเปรี้ยวให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้