ส่องไฮไลต์ ’แอลจี’ ชู ‘ไอโอที’ ชิงธงอุตอิเล็กฯ 

ส่องไฮไลต์ ’แอลจี’ ชู ‘ไอโอที’ ชิงธงอุตอิเล็กฯ 

หนึ่งในผู้เล่นที่มีแนวทางธุรกิจชัดเจน ทั้งมีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดกับเทคโนโลยีไอโอที

ในสมรภูมิ “อิเล็กทรอนิกส์” ที่ดีกรีการแข่งขันไม่เคยลดความดุเดือด ผู้เล่นจากทุกสัญชาติต่างพยายามเข็นสินค้านวัตกรรม เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกสู่ตลาด

ยิ่งเมื่อเมกะเทรนด์อย่าง อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะตัดเชือกความเป็นผู้นำ ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมยิ่งมีความน่าสนใจ...

งานแสดงนวัตกรรมครั้งใหญ่ประจำปี 2560 ของยักษ์อิเล็กทรอนิกส์แดนโสม แอลจี “แอลจี อินโนเฟสต์ 2017 (LG InnoFest 2017)” จัดที่เกาะเชจู เกาหลีใต้ เมื่อไม่นานมานี้

“เอียน คิม” รองประธานฝ่ายบริหารแบรนด์ สำนักงานการตลาดทั่วโลก แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เผยว่า แนวทางธุรกิจของแอลจีมุ่งนำเสนอสินค้านวัตกรรม หาโอกาสในตลาดพรีเมียม เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ ซึ่งแม้ขณะนี้ในตลาดรวมสัดส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมียมยังน้อยแค่ 2-3% ของตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า ทว่าแนวโน้มสามารถเติบโตได้ 8-9% ทั้งไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากนัก

บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนด้านการตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อสร้างแบรนด์ ลุยกิจกรรมการตลาด วิจัยและพัฒนา และสนับสนุนการขาย มองว่า เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพเติบโต และมั่นใจว่าบริษัทมีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง

แอลจีบอกว่า แนวทางการพัฒนาและนำเสนอสินค้าของบริษัท มุ่งสร้างนวัตกรรมผสมผสานไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไอโอที เอไอ รวมถึง ดีปเลิร์นนิ่ง สำคัญต้องโดดเด่นทั้งการออกแบบ ประสิทธิภาพ คุณภาพ ด้วยแอลจีต้องการเป็นผู้นำตลาดที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากที่สุด

ด้าน “ยูจีน ยู” คลาวด์ เซ็นเตอร์ แอลจี กล่าวว่า สินค้าใหม่ที่เปิดตัวของแอลจีจากนี้ จะสามารถเชื่อมต่อกับไวไฟได้แม้กระทั่งในรุ่นโลว์เอนด์ พร้อมนำข้อมูลการใช้งานที่เก็บได้ไปวิเคราะห์และพัฒนาต่อยอดทำให้การเปิดตลาดสินค้าในอนาคตตอบโจทย์มากขึ้น

บริษัทมีแผนลงทุนจริงจังกับเทคโนโลยีไอโอทีรวมถึงคลาวด์ เชื่อว่าอนาคตแอลจีจะสดใสมากในตลาดดังกล่าว ส่วนภาพรวม คาดว่า การใช้งานผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีไอโอทีจะแพร่หลายใน 5 ปี ปัจจัยผลักดัน คือ การเติบโตของบรอดแบนด์และความเข้าใจผู้บริโภค

หลังจากนี้ บริษัทเปิดกว้างทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ร่วมกัน พร้อมสร้างความเป็นไปได้ในตลาดใหม่ๆ แต่ทั้งนี้การทำตลาดแต่ละภูมิภาคจะมีการปรับเปลี่ยนให้ตรงความต้องการ

มิติใหม่สมาร์ทโฮม

ในงานอินโนเฟสต์ หนึ่งในไฮไลต์ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างมากคือ “ฮับ โรบ็อต (Hub Robot)” เกตเวย์เชื่อมต่อการทำงานของบ้านอัจฉริยะโดยแอลจี บอกว่าจะเป็นมิติใหม่ในการใช้งานภายในบ้านอัจฉริยะ สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สั่งงานและควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านด้วยคำสั่งเสียง

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือพัฒนาแพลตฟอร์มกับทางอเมซอน โดยนำ อเล็กซา (ALexa) มาใช้ เร็วๆ นี้ยังมีแผนเชื่อมต่อกับทางเว็บไซต์อเมซอนดอทคอมเพื่อว่าลูกค้าในเฟสแรกตลาดสหรัฐสามารถสั่งอาหารสดผ่านทางเว็บไซต์มาที่บ้านได้ทันที

ด้านการทำงานระบบจะแปรคำสั่งเสียงที่พูดเพื่อให้เครื่องทำงานตามต้องการอย่างทันท่วงที เช่น “เปิดเครื่องปรับอากาศ” หรือ “เปลี่ยนอุณหภูมิการอบผ้า” ทั้งมีฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานเพื่อความบันเทิง ตั้งเวลาสำหรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งการเตือน หรืออัพเดทสภาพภูมิอากาศ และการจราจรก่อนออกจากบ้าน

นอกจากนี้ สามารถเคลื่อนย้ายและปรับการใช้งานได้ตามความต้องการ แสดงผลการทำงานผ่านจอด้านหน้าตัวเครื่อง ฟีเจอร์อัจฉริยะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของสมาชิกภายในบ้าน เมื่อออกจากบ้าน กลับเข้ามาที่บ้าน และเข้านอน มีฟังก์ชั่นจดจำใบหน้าสมาชิกในครอบครัว สามารถตั้งโปรแกรมในการทักทายบุคคลที่แตกต่างกันไป

นอกจากห้องรับแขกและครัว แอลจียังเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานด้วย “มินิ ฮับ โรบ็อต(Mini Hub Robot)” หุ่นยนต์รุ่นจิ๋ว ประสิทธิภาพการใช้งานเทียบเท่ากับฮับโรบ็อตโดยสามารถนำไปใช้งานในส่วนอื่นๆ ของบ้านได้สะดวกขึ้น ในแผนจะเริ่มทำตลาดในเกาหลี สหรัฐ ก่อนเป็นอันดับแรกๆ

ยึดผู้นำไอโอที

ครั้งนี้แอลจียังได้นำผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง ตู้เย็นอัจฉริยะรุ่น “สมาร์ท อินสตาวิว ดอร์ อิน ดอร์ (Smart InstaView Door-in-Door)” มาอวดโฉม มาพร้อมหน้าจอแอลซีดีขนาด 29 นิ้ว ผู้ใช้งานสามารถบันทึกรายการของในตู้เย็น ตรวจสอบวันหมดอายุ มีฟังก์ชั่น “Knock-On” ทำให้มองเห็นสิ่งของต่างๆ ในตู้เย็นเพียงแค่เคาะที่หน้าจอเบาๆ โดยไม่ต้องเปิดตู้เย็นให้เปลืองพลังงาน

ตู้เย็นดังกล่าวทำงานด้วยระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 10 จากไมโครซอฟท์ เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย เช่น Allrecipes, Pandora และ Netflix มาพร้อมกล้องเลนส์กว้างพิเศษ ความละเอียด 2.0 เมกะพิกเซลที่สามารถถ่ายภาพภายในตู้เย็นได้ครบทุกจุด ทั้งสามารถส่งภาพไปยังสมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบจำนวนสิ่งของที่มี

นอกจากนี้ มีระบบเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลการใช้งาน โหมดประหยัดพลังงานทำงานทันทีเมื่อผู้ใช้งานลดการใช้งานหรือไม่อยู่บ้าน ทั้งมีความสามารถในการตรวจจับความชื้นและปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม

ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริโภค 77% เคยซื้ออาหารซ้ำหรือที่ไม่จำเป็นเนื่องจากจำไม่ได้ว่าเคยซื้อเก็บไว้แล้ว

บริษัทเชื่อว่า สินค้าใหม่ที่ทยอยลงตลาดจะเข้าไปพลิกโฉมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากนี้แอลจียังคงมุ่งคิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีไอโอที

ปักหมุดตลาดไทยชูสินค้า 'พรีเมียม'

“ซอง แจ คิม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า จะค่อยๆ นำสินค้าเทคโนโลยีไอโอทีเข้ามาทำตลาดในไทย เริ่มต้นด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับไวไฟ แสดงผลผ่านสมาร์ทโฟนได้ ส่วนที่เต็มรูปแบบซึ่งใช้งานคู่กับฮับโรบ็อตอาจต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมอีก 1-2 ปี

แอลจีมั่นใจว่า นอกจากตลาดระดับล่างที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังมีโอกาสที่สูงมากในตลาดระดับพรีเมียม เนื่องจากไทยเป็นประเทศจีดีพียังเติบโต ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ขณะนี้รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อประชากรอยู่ที่ราว 16,000 บาท

นอกจากนี้ ปัจจัยบวกยังมาจากเศรษฐกิจที่มีทิศทางเป็นบวก การเติบโตของการส่งออก การท่องเที่ยว ทั้งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐมาช่วยอีกทาง

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ภายในสิ้นปีนี้สินค้าพรีเมียมภายใต้ตระกูลซิกเนเจอร์จะทำสัดส่วนรายได้ได้ไม่น้อยกว่า 5% ส่วนในภาพรวมตลอดทั้งปี 2560 คาดว่ารายได้รวมจะโตจากปีก่อนหน้าอย่างน้อย 10% หลักมาจากทีวี เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ และปีนี้จะเข้าไปโฟกัสตลาดตู้เย็นมากขึ้นด้วย

ส่วนรายได้จากตลาดบีทูบียังน้อยมากสัดส่วนเพียง 10% ทว่าโตปีละกว่า 50% แผนปีนี้จะให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากขึ้น เตรียมเพิ่มบุคลากรระดับผู้บริหารเข้ามาเสริมทัพด้วย

ปัจจุบัน จากมูลค่าตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยกว่าแสนล้านบาท กลุ่มพรีเมียมมีสัดส่วนราว 2% หรือมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท

เอ็มดีไทยเผยด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาทำตลาดสมาร์ทโฟนในไทยอีกครั้ง แต่ยังระบุเวลาที่แน่นอนไม่ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และรอให้สินค้ามีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากกว่านี้ก่อน

“นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แอลจี ประเทศไทย เสริมว่า การพิจารณานำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาในไทยจะพิจารณาตามโอกาส และความพร้อมของตลาด แต่เบื้องต้นปูจะทางไอโอทีที่กลุ่มสินค้าที่มีความแข็งแกร่งเช่น เครื่องซักผ้า จากนั้นค่อยทยอยไปสู่สินค้าตัวอื่นๆ ขณะนี้สินค้ารุ่นใหม่ที่เปิดตลาดจะรองรับการเชื่อมต่อไวไฟเป็นพื้นฐานและควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้แทบทั้งหมด

ในงานอินโนเฟสต์ มีสินค้าที่น่าสนใจและเตรียมนำเข้าไปลงตลาดไทยหลายรุ่น รวมถึงโอเล็ตทีวี (OLED TV) เรือธงในตระกูลซิกเนเจอร์ (Signature) เช่น รุ่น จี7, อี7, ซี7 และบี7, รุ่นดับเบิลยู ที่บางและเบาอย่างมาก มาพร้อมกับตัวเลือกขนาดหน้าจอที่หลากหลาย ภาพคมชัด และระบบเสียงไฮเอนด์เทียบเท่าโรงภาพยนต์ รวมถึงซุปเปอร์ ยูเอชดี ทีวี เทคโนโลยี นาโนเซลล์ ภาพสวยทุกมุมมอง คมชัดกว่าเดิม ล่าสุดอัพเกรดเว็บโอเอสเป็นเวอร์ชั่น 3.5 ด้วย

เทรนด์ตลาดไทย หลักๆ ยังคงนิยมทีวีขนาดหน้าจอ 32 นิ้ว ด้วยปัจจัยของราคา ทว่าความต้องการจอขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ในภาพรวมปัจจุบันจอขนาด 50 นิ้วขึ้นไปมีสัดส่วนประมาณ 30% ส่วนตลาดบนที่นิยมคือจอ 77-80 นิ้ว ด้านการใช้สมาร์ทีวีขณะนี้เกิน 50% ไปแล้ว ปัจจุบัน ธุรกิจทีวีสร้างสัดสวนรายได้ให้แอลจีประเทศไทยราว 40% ปีนี้คาดว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

พร้อมระบุว่า ในแผนปีนี้เตรียมเพิ่มพรีเมียมช้อป จากเดิมมี 100 แห่ง ให้เป็น 200 แห่ง ปัจจุบันมีคู่ค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 200 ราย รวมมีหน้าร้านกว่า 500 สาขาทั่วประเทศ

กล่าวได้ว่า “แอลจี” เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีแนวทางธุรกิจชัดเจน ทั้งมีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดกับเทคโนโลยีไอโอที