ยูนิลีเวอร์ปลุกชีพโชห่วยชูโมเดล‘ติดดาว’หนุนโต

ยูนิลีเวอร์ปลุกชีพโชห่วยชูโมเดล‘ติดดาว’หนุนโต

ท่ามกลางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด)

เป็นคำถามและโจทย์ใหญ่ถึงความสามารถทางการแข่งขันของค้าปลีกดั้งเดิม หรือ ร้านโชห่วย สะท้อนโอกาสการเติบโตหรือล้มหายตายจาก 

ร็อบ แรนเดอร์ส รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคภายใต้แบรนด์ โอโม ซันไลต์ คอมฟอร์ท ลักซ์ คนอร์ ฯลฯ มองว่า ร้านโชห่วยยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมี “ร้านใหม่” เปิดทดแทน “ร้านเก่าที่ปิดตัว” ตลอดเวลา ซึ่งหากาพิจารณาข้อมูล เอซี นีลเส็น ระบุว่า มีร้านโชห่วย หรือ ร้านข้างบ้าน กระจายตัวอยู่ในชุมชนกว่า 4 แสนร้าน

โดยประเมินว่าแต่ละปีร้านโชห่วยมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 3%  ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ เติบโตในอัตรา 8-9% สูงกว่าโชห่วย 3 เท่า

การทำธุรกิจในไทย ถือว่ายากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสัดส่วนยอดขายในตลาดมาจากร้านค้าทั่วไปและร้านค้าสมัยใหม่เท่าๆ กันที่ 50%"

แนวทางธุรกิจของยูนิลีเวอร์ภายใต้แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน (Unilever Sustainable Living Plan: USLP) ซึ่งบน “ห่วงโซ่ธุรกิจ” มีร้านโชห่วย หรือบรรดาร้านข้างบ้าน เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลัก 

ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตร้านโชห่วยสู่ศูนย์กลางของชุมชนด้วยโมเดล “ร้านติดดาว” โดยนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการร้าน  สินค้า โปรโมชั่น ถ่ายทอดให้ร้านที่เข้าร่วมโครงการซึ่งจะได้รับคำแนะนำด้านการจัดเรียงสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดปีสำหรับผู้บริโภคเพื่อให้ซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ รายการสะสมคะแนนเพื่อรับของรางวัลจากยอดซื้อสินค้า 

เป้าหมายสำคัญ เพื่อให้ร้านโชห่วยมียอดขายเติบโตดีขึ้น ซึ่งการทดลองปรับปรุงร้านโชห่วยนำร่องพบว่าสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 10% 

ปัจจุบันมีร้านโชห่วยที่เข้าร่วมโครงการร้านติดดาว 10,461 ร้านค้า เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีร้านโชห่วยปรับเป็นร้านติดดาว 9,807 ร้านค้า ในปี 2560 มีแผนปรับปรุงร้านโชห่วยทั่วประเทศเป็นร้านติดดาวเพิ่มขึ้นอีก 1,200-1,300 ร้านค้า ตั้งเป้าหมายมีเครือข่ายร้านติดดาว 2 หมื่นร้านค้าภายในปี 2563

โชห่วยอยู่ไม่ได้‘เราก็อยู่ไม่ได้’

หากย้อนกลับ 20 ปีก่อนโชห่วยเป็นร้านที่ขายดีมาก เพราะยังไม่มีร้านค้าปลีกสมัยใหม่เข้ามาขยายธุรกิจในไทยมากเหมือนยุคนี้ 

"สถานการณ์ธุรกิจที่เปลี่ยนไป การแข่งขันรุนแรง ร้านโชห่วยต้องเผชิญปัญหายอดขายที่ลดลง เป็นที่มาทำให้เราต้องเข้าไปสนับสนุน เพราะหากโชห่วยอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้”

5 ปีที่ผ่านมายูนิลีเวอร์จัดสรรงบกว่า 100 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพร้านโชห่วยผ่านโครงการร้านติดดาว พร้อมส่งทีมงานฝ่ายขายช่วยดูแลด้านสินค้าให้กับร้านโชห่วยกว่า 2,000 คน 

โครงการ “ร้านติดดาว” เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2555 ผลกระทบจากภัยพิบัติส่งผลให้ร้านข้างบ้าน ซึ่งถือเป็นร้านค้าขนาดเล็กได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นรายได้ทางเดียวของเจ้าของกิจการหลายแห่ง หลังจากยูนิลีเวอร์เข้าไปสำรวจความสูญเสียของร้านค้าในพื้นที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงได้นำเสนอแนวคิดในการช่วยเหลือร้านค้าให้มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง ก่อนพัฒนาเป็นโครงการร้านติดดาว ในปี 2559