บิทคอยน์บวก1% เคลื่อนไหวที่ 37,000 ดอลล์

บิทคอยน์บวก1% เคลื่อนไหวที่ 37,000 ดอลล์

ราคาบิทคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.00 น.ของวันนี้ (12 มิ.ย.)ปรับตัวขึ้น 1.71% เคลื่อนไหวที่ 37,337.32 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาบิทคอยน์ช่วงเช้าวันนี้ มีขึ้นหลังจากทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งนำโดยนายนิโคลัส ปานีเกอร์โซกลู แสดงความเห็นเมื่อวันพฤหัสบดี (10 มิ.ย.)ว่า แม้ราคาบิทคอยน์เริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความผันผวนของราคา โดยเฉพาะในเดือนพ.ค.ซึ่งราคาบิทคอยน์ถูกกระหน่ำขายออกมาอย่างหนัก

“เราเชื่อว่า การที่ราคาบิทคอยน์ทรุดตัวลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นสัญญาณด้านลบที่บ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดสกุลเงินคริปโต นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาบิทคอยน์ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตทรุดตัวลงด้วยนั้น นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เรากังวลเกี่ยวกับทิศทางของตลาด” ทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนกล่าว

การวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนอยู่บนพื้นฐานของราคาเฉลี่ยในรอบ 21 วันของบิทคอยน์ในตลาดล่วงหน้าที่มีผลต่อราคาในตลาดสปอต และพบว่า ราคาบิทคอยน์ในตลาดล่วงหน้าเข้าสู่ภาวะ Backwardation ซึ่งเคยเกิดขึ้นส่วนใหญ่ในปี 2561 โดยในปีดังกล่าว ราคาบิทคอยน์ร่วงลงถึง 74% หลังจากทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านั้น

ตลาดบิทคอยน์เข้าสู่ภาวะ Backwardation เมื่อราคาในอนาคตอยู่ต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าบรรดานักลงทุนสถาบันมีความต้องการบิทคอยน์ลดลง และมักจะเกิดขึ้นในสภาวะตลาดหมี (bear market)

ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ปัจจุบันบิทคอยน์มีสัดส่วนในมูลค่าตลาดโดยรวมของสกุลเงินคริปโตประมาณ 42% ซึ่งลดลงจากระดับ 70% ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มหันไปให้ความสนใจสกุลเงินคริปโตอื่นๆ

ราคาบิทคอยน์ร่วงลงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต โดยจีนกังวลว่าความผันผวนของสกุลเงินคริปโตจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของประชาชน และส่งผลกระทบต่อความเป็นระเบียบในระบบเศรษฐกิจและการเงิน"

นอกจากนี้ ราคาบิทคอยน์ยังได้รับแรงกดดันจากการทวีตข้อความรายวันของนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลา ซึ่งรวมถึงการที่นายมัสก์ระบุว่า เทสลาจะไม่รับบิทคอยน์ในการซื้อรถยนต์ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการขุดบิทคอยน์จำเป็นต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมาก