ล็อกดาวน์มณฑลเหอเป่ย์ก่อแรงกระเพื่อมอุตฯเหล็ก

การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มณฑลเหอเป่ย์ เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19รอบใหม่จุดกระแสความกังวลเกี่ยวกับปริมาณเหล็กและสินแร่เหล็กที่มีอยู่ว่าจะไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดโลก ในฐานะที่จีน อยู่ในกลุ่มประเทศผู้ผลิตเหล็กชั้นนำและเหล่านักวิเคราะห์มองว่ามณฑลเหอเป่ย์ผลิตเหล็กในสัดส่วนกว่า20% ของผลผลิตเหล็กโดยรวมของประเทศ

"เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์"ระบุว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์อาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตเหล็กในขณะนี้ แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้เหล็ก เนื่องจากมาตรการดังกล่าวทำให้ภาคการผลิตต้องหยุดการดำเนินงานเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ความต้องการและราคาวัตถุดิบประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตเหล็ก เช่น สินแร่เหล็กพุ่งขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันใกล้นี้

“แดเนียล ไฮส์” นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคารเอเอ็นซี ของออสเตรเลีย มีความเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อราคาสินแร่เหล็ก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในมณฑลเหอเป่ย์อาจทำให้โรงงานผลิตเหล็กหลายแห่งในพื้นที่แห่งนี้ต้องถูกล็อกดาวน์ด้วย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินแร่เหล็ก และคาดว่าบรรดาโรงงานถลุงเหล็กจะเผชิญกับภาวะติดขัดด้านการขนส่งซึ่งจะกระทบต่อการผลิตเหล็กในที่สุด

ด้านมายสตีล บริษัทให้บริการข้อมูลด้านโลหะของจีนมีฐานอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เหล็กที่ถูกขนส่งด้วยรถบรรทุกจะถูกเรียกให้หยุดเมื่อมาถึงมณฑลเหอเป่ย์ จึงทำให้ระบบรางเป็นระบบเดียวที่จะใช้ขนส่งเหล็กได้ ส่วนการสกัดการขนส่งเหล็กทางถนนทำให้มีเหล็กพร้อมใช้จำนวนมากกองรวมกันอยู่ที่โรงถลุงเหล็กใหญ่ๆในภูมิภาค

“การล็อกดาวน์บางส่วนที่มีผลทำให้มีการใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้นกับการขนส่งสินค้า และทำให้ปริมาณสินค้าคงคลังของโรงถลุงเหล็กในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของเดือนม.ค.”อาทิลลา วิดเนลล์ ผู้ร่วมก่อตั้งเนวิเกท คอมมอดิตีส์ ซึ่งมีฐานดำเนินงานอยู่ในสิงคโปร์ กล่าว พร้อมเสริมว่า มีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่าเทรดเดอร์บางกลุ่มไม่ค่อยเต็มใจนักที่จะเตรียมกระแสเงินสดให้พร้อมกรณีที่การล็อกดาวน์แบบเบาๆรอบนี้อาจยืดเยื้อยาวนานออกไปมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงขึ้น

เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า ตอนนี้สินค้าคงคลังที่โรงงานถลุงเหล็กจิงเย่ ไอออน แอนด์ สตีล ในฉือเจียจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย์กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้น โดยโรงงานถลุงเหล็กแห่งนี้ผลิตเหล็กดิบได้ปีละ 13 ล้านตัน

บรรดาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและพื้นที่ก่อสร้างในจีนหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะหยุดงานล่วงหน้าก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติระหว่างวันที่ 11 -17 ก.พ.และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการเหล็กซึ่งถูกใช้ในอุตสาหกรรมตามที่กล่าวมาอย่างมาก

เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า รัฐบาลจีนแนะนำให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมและคนงานในภาคการก่อสร้างเดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองตรุษจีนกับครอบครัวก่อนหน้าที่จะมีการเดินทางช่วงวันหยุดยาว

“จากการเปิดเผยของแหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมเหล็ก รัฐบาลปักกิ่งตัดสินใจดำเนินการแบบนี้เพื่อลดความเป็นไปได้ที่โรคโควิดจะระบาดหนักในช่วงตรุษจีนและหลังตรุษจีน”เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุ

การหยุดงานก่อนช่วงตรุษจีนของเหล่าคนงานบ่งชี้ว่าความต้องการเหล็กจะลดลง เป็นสาเหตุทำให้สินค้าคงคลังตามโรงงานถลุงเหล็กในที่ต่างๆจะเพิ่มขึ้น

“เทรดเดอร์บางคนบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการเพิ่มเหล็กเข้าไปในสินค้าคงคลัง พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าสถานการณ์แบบนี้จะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คาด ส่วนราคาเหล็กยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันในการบริหารกระแสเงินสดของพวกเขา”เอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ กล่าว

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19ที่หวนกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในมณฑลเหอเป่ย์ ทำให้ทางการออกมาตรการเข้มงวดด้านการขนส่งในภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตเหล็กหลัก โดยการล็อกดาวน์ในมณฑลนี้ ครอบคลุมถึงพื้นที่รอบๆโรงงานถลุงเหล็ก และจำกัดความสามารถด้านการขนส่งเหล็กให้ถึงมือลูกค้า

ผู้ติดเชื้อจากไวรัสต้นตอโรคโควิด-19ในมณฑลเหอเป่ยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้มณฑลเหอเป่ยต้องล็อกดาวน์เมืองเอกคือฉือเจียจวงและอีก2พื้นที่เป็นอย่างน้อย เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามควบคุมการระบาดของไวรัสอันตรายตัวนี้

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองหลางฟาง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย์ สั่งให้ประชาชนในเมืองซึ่งมีอยู่เกือบ 5 ล้านคน อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 7 วัน พร้อมทั้งใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด ขณะที่เมืองฉือเจียจวง ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย์เช่นกัน และมีพลเมือง 11 ล้านคน ประกาศล็อกดาวน์แล้วก่อนหน้านี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ด้าน“วู้ด แมคเคนซีย์” บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยด้านพลังงาน มีความเห็นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบที่นำมาใช้ในขั้นตอนการผลิตเหล็ก โดยเฉพาะถ่านโค้กปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันราคาประมาณ 450 หยวนต่อตัน แพงกว่าเมื่อปีที่แล้ว