ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นครั้งแรกรอบ 4 วันหลังคลายกังวลโรคโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 115.84 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 29,348.03 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 15.86 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 3,386.15 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 84.44 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 9,817.18 จุด
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) เปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 1,749 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.

ขณะที่นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุในรายงานว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียง 3.5% ในไตรมาสแรก หากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ โดยหากภาคการผลิตไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน

มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภาคการผลิตของจีนมีการดำเนินงานเพียง 30-50% ของระดับปกติ ขณะที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า การผลิตของจีนจะแตะ 60-80% ของระดับปกติภายในสิ้นเดือนนี้ และจะกลับสู่ระดับปกติภายในกลางเดือนหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐประจำวันที่ 28-29 ม.ค.เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2561 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีพีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 3.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.567 ล้านยูนิต จากระดับ 1.626 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.425 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.