'ราคาบ้านในอังกฤษ' ปี 63 คาดเพิ่มขึ้นจาก ‘แบร็กซิท’

'ราคาบ้านในอังกฤษ' ปี 63 คาดเพิ่มขึ้นจาก ‘แบร็กซิท’

ผลสำรวจชี้ ราคาบ้านในอังกฤษปี 2563 อาจเพิ่มขึ้นเพียง 2% เนื่องจากความไม่แน่นอนของแบร็กซิท

สถาบัน Royal Institution of Chartered Surveyors หรืออาร์ไอซีเอส ซึ่งเป็นองค์กรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกอบธุรกิจการจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% ในปี 2563 เนื่องจากความไม่แน่นอน ในเรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (แบร็กซิท)

อาร์ไอซีเอส ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษเผชิญภาวะซบเซานับ แต่การทำประชามติเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป เมื่อเดือน  มิ.ย.2559 ทำให้ราคาบ้านในกรุงลอนดอนและเมืองโดยรอบนั้นปรับตัวลดลง เนื่องจากภาษีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับแบร็กซิท

นายทาร์แรนท์ พาร์สัน นักเศรษฐศาสตร์ของอาร์ไอซีเอส กล่าวว่า แม้ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะคว้าชัยในการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแบร็กซิทแบบไม่มีข้อตกลง ในวันที่ 31 ม.ค.นั้นมีน้อยลง แต่ความไม่แน่นอนของแบร็กซิท จะกลับมาอีกครั้งเมื่อเข้าใกล้วันแยกตัวตามที่กำหนด 

ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษเริ่มกลับมาฟื้นตัว ทั้งราคาและความต้องการที่ปรับตัวดีขึ้น จากที่เคยต้องลดราคา 20-25 % เพื่อให้ขายได้ โดยปัจจุบันลดราคาประมาณ 10-15% เนื่องจากพบว่าความต้องการ อสังหาฯ ในลอนดอนสูงกว่าจำนวนเปิดตัวและเข้าสู่ตลาดประมาณไม่ถึง 40,000 หน่วย (ยูนิต)ต่อปี

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เกิดการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เข้าไปซื้ออสังหาฯ และเปิดสำนักงานใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น อาทิ สำนักงานกูเกิล ฮัทชิสัน มูลค่าหลักพันล้านปอนด์ รวมถึงกลุ่มคนไทยที่มีสัญญาณเข้าไปลงทุนเพิ่มมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นหากเทียบกับเงินปอนด์ ทำให้ราคาอสังหาฯในลอนดอนถูกลงประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา จึงมีนักลงทุนไทยนิยมเข้าไปซื้อเพื่อปล่อยเช่า และส่วนใหญ่ใช้ที่เป็นพักให้กับผู้เข้าไปศึกษาต่อ

 อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 ก.ย.2562 พบว่า มีคนไทยเข้าไปซื้ออสังหาฯในอังกฤษทั้งสิ้น 21 ล้านปอนด์ (ราว 820 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีมูลค่ากว่า 10ล้านปอนด์ (ราว 390 ล้านบาท)โดยในปี 2562 คาดว่าจะปิดดีลตั้งแต่เม.ย.2562-มี.ค.2563 ประมาณ 18 สัญญาซื้อขาย จำนวน 25 ยูนิต มูลค่ารวม 30-35 ล้านปอนด์ (ราว 1,172 -1,367 ล้านบาท) โดยส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน และที่พักอาศัยส่วนตัว