ไครเมียฉลองยิ่งใหญ่ผนวกดินแดนรัสเซีย

ฝูงชนรวมตัวกันในเมืองซิมฟิโรโพลเมื่อคืนวานร่วมชมคอนเสิร์ตและฟังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีเซอร์เก อัคซิโยนอฟของไครเมีย ในโอกาสฉลองที่กระบวนการผนวกดินแดนกับรัสเซียเสร็จเรียบร้อย หลังจากประชาชนในไครเมีย ซึ่งกว่า 50% เป็นคนเชื้อสายรัสเซีย ลงประชามติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายเกือบ 97% เมื่อ 16 มี.ค.สนับสนุนการแยกตัวออกจากยูเครนเพื่อไปผนวกดินแดนกับรัสเซีย สิ้นสุดสถานะเขตปกครองตนเองในไครเมีย

และในกรุงมอสโกของรัสเซีย มีการแสดงพลุเฉลิมฉลองเช่นเดียวกัน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีาให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาการผนวกดินแดนไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ทำให้กระบวนการผนวกดินแดนเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้เขาและผู้นำไครเมียลงนามในสนธิสัญญาเมื่อวันอังคารและสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้ลงมติเห็นชอบให้สัตยาบันรับรอง

กฤษฎีกาฉบับนี้ระบุว่า สหพันธรัฐรัสเซียจะประกอบด้วย 85 เขตปกครองเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 83 เขต โดยเขตใหม่ คือ สาธารณรัฐไครเมีย และเมืองเซวาสโตโพล ที่มีสถานะพิเศษอยู่ภายในไครเมีย โดยเมืองเซวาสโตโพลเป็นเมืองท่าสำคัญที่เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือรัสเซีย ส่วนเมืองซิมฟิโรโพลเป็นเมืองหลวงของไครเมีย

ขณะที่สถานการณ์ในไครเมียและภาคตะวันออกของยูเครนที่มีประชาชนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย ยังคงตึงเครียด โดยมีรายงานว่า กองกำลังอาสาฝักใฝ่รัสเซียยึดเรือของยูเครน3 ลำในไครเมีย และทหารรัสเซียเข้าควบคุมฐานทัพเรือยูเครนในเมืองเซวาสโตโพลด้วย รวมถึงเสริมกำลังไปยังบริเวณชายแดนภาคตะวันออกของยูเครนทำให้เกิดความวิตกว่ารัสเซียจะรุกรานเพื่อยึดดินแดนเพิ่มเติม

ล่าสุดองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือ OSCE จะส่งผู้สังเกตการณ์ชุดแรก 100 คนเข้าไปสังเกตการณ์ในยูเครนเป็นเวลา 6 เดือน แต่รัสเซียไม่ยอมให้เข้าไปในไครเมีย

และจากการผนวกดินแดนระหว่างรัสเซียและไครเมียที่ถูกมองว่าเป็นการปล้นดินแดนของยูเครน ทำให้ทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียได้รับผลกระทบบ้างแล้ว โดยตลาดหุ้นรัสเซียปรับตัวลดลงกว่า 2% เมื่อวาน หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้งเอสแอนด์พีและฟิตช์ เรตติ้งปรับลดอนาคตทางเศรษฐกิจจากมีเสถียรภาพเป็นเชิงลบ และล่าสุดบริษัทวีซ่า และมาสเตอร์การ์ดหยุดให้บริการแก่ธนาคารของรัสเซีย 2 แห่ง ที่อยู่ในรายชื่อที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐแล้ว

ขณะเดียวกันนายอาร์เซนีย์ ยาเซนยุค ของยูเครน ยอมรับว่า การสูญเสียไครเมียให้รัสเซีย จะทำให้ยูเครนสูญเสียรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ และขู่ว่าในอนาคตอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศ