ธนาคารจีนเทขายอสังหาฯ ‘หลายหมื่นรายการ’ ล้างหนี้ หวั่นฉุดราคาอสังหาฯร่วงกว่าเดิม

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ธนาคารจีนกำลังเร่งเทขายทรัพย์สินที่อยู่อาศัยและสำนักงานซึ่งถูกนำมาค้ำประกันเงินกู้ เป็นจำนวนหลัก “หลายหมื่นรายการ” เพื่อนำเงินสดมาล้างหนี้เสีย จุดความกังวลว่า จะเร่งทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแออยู่แล้ว ร่วงลงไปอีก

ข้อมูลจากสื่อจีนระบุว่า สถาบันการเงินอย่างน้อย 23 แห่ง เริ่มขายทรัพย์สินที่รอการยึดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยอดขายเร่งตัวตั้งแต่ช่วงฤดูร้อน โดยมีอสังหาริมทรัพย์ถูกขายหรือประกาศขายอยู่ราว 70,000 รายการ มากกว่าจำนวนบ้านใหม่ที่ถูกขายในนครเซี่ยงไฮ้ตลอดปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 59,000 ยูนิต

ทรัพย์สินเหล่านี้ เป็นหลักประกันที่ลูกหนี้นำมาค้ำเพื่อขอสินเชื่อ แต่ภายหลังไม่สามารถชำระคืนได้ ในหลายกรณี ธนาคารจึงนำทรัพย์เหล่านี้ไปขายตรงให้ผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์

สำหรับผู้ขายส่วนใหญ่ เป็นธนาคารท้องถิ่นและสถาบันขนาดเล็กที่ทำธุรกิจในพื้นที่ชนบท แต่ยังรวมถึงธนาคารใหญ่ของรัฐ 2 แห่ง ได้แก่ Agricultural Bank of China และ China Construction Bank ตัวอย่างเช่น Sichuan Rural Commercial Union Bank ประกาศขายทรัพย์ราว 25,000 รายการ Bank of Jilin ในจีนตะวันออกเฉียงเหนือ ขาย 2,000 รายการ Bank of Lanzhou ในจีนตะวันตก ขาย 1,750 รายการ

เนื่องจากผลประกอบการของธนาคารกำลังอ่อนแรง จากเศรษฐกิจชะลอตัวยาวนาน ความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจลดลง และรัฐบาลท้องถิ่นกำลังประสบวิกฤติทางการเงินจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ถดถอย ธนาคารจึงขายทรัพย์ เพื่อนำมาใช้ “ตัดหนี้เสีย”

ตัวเลขทางการระบุว่า อัตราหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 1.5% ซึ่งถือว่า “มีเสถียรภาพ” แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่า ธนาคารจีนประเมินคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริง และตัวเลขทางการไม่สะท้อนสถานการณ์จริง

ชินิจิ เซกิจาก Japan Research Institute ประเมินว่า อัตราหนี้เสียที่แท้จริงอาจสูงถึง 7.8% ณ สิ้นปี 2024 โดยอ้างอิงข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน

ในปี 2024 ธนาคารจีนเร่งตัดหนี้เสียเพิ่มขึ้น การจำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพแตะ 3.8 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากปีก่อน ส่งผลให้กลุ่มสถาบันการเงินที่เทขายทรัพย์ค้ำประกันจำนวนมากกำลังเร่งขายต่ำกว่าราคาตลาด

ตัวอย่างเช่น สถาบันการเงินรายย่อยแห่งหนึ่งในมณฑลเฮยหลงเจียง นำห้องพักขนาด 105 ตารางเมตร ในเมืองฮาร์บินออกประมูลเพียงครึ่งหนึ่งของราคาตลาด บางแห่งต้องลดราคาหลายรอบกว่าจะหาผู้ซื้อได้

เมื่อราคาบ้านดิ่งอยู่แล้ว การขายตัดราคาเช่นนี้ ยิ่งกดให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ลดลงต่อไป
ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ราคาเฉลี่ยบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ลดลง 0.5% ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบหนึ่งปี

เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอ ก็ยิ่งทำให้ผู้พัฒนาโครงการที่ขาดสภาพคล่องอยู่แล้ว ไม่ต้องการสร้างบ้านใหม่ ขณะเดียวกัน รายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นจากการขายสิทธิ์ที่ดินให้ผู้พัฒนา ร่วงลงกว่า 60% จากจุดสูงสุดในปี 2021

ยิ่งมีการเทขายทรัพย์ค้ำประกัน ก็อาจยิ่งทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดหนักขึ้น และซ้ำเติมวิกฤติการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น ท่ามกลางความกังวลถึงความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้จาก “หนี้แฝง” ของบริษัทรัฐบาลท้องถิ่น 

มีรายงานว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นตลาด เช่น อุดดอกเบี้ยเงินกู้บ้านสำหรับผู้ซื้อครั้งแรก และขยายสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับผู้ผ่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถหยุดภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้หรือไม่

อ้างอิง: nikkei