ทำไม 'กองทุนเทคฯ' ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นมองว่า เอไอยังไม่ฟองสบู่ ?

ทำไม 'กองทุนเทคฯ' ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นมองว่า เอไอยังไม่ฟองสบู่ ?

ผู้จัดการกองทุนเทคฯ ญี่ปุ่นมองว่าตลาด AI ยังไม่เป็นฟองสบู่ แต่กำลังเข้าสู่ "ช่วงที่สองของการเติบโต"

KEY

POINTS

  • ผู้จัดการกองทุนเทคฯ ญี่ปุ่นมองว่าตลาด AI ยังไม่เป็นฟองสบู่ แต่กำลังเข้าสู่ "ช่วงที่สองของการเติบโต"
  • การลงทุน AI ในปัจจุบันขับเคลื่อนโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเงินสดมหาศาล ทำให้ยั่งยืนกว่ายุคฟองสบู่ดอตคอม
  • การเติบโตระลอกต่อไปจะมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทสาธารณูปโภค และโทรคมนาคม
  • กองทุนของเขาทำผลตอบแทนได้ถึง 49% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าดัชนีชั้นนำอย่าง Topix และ Nasdaq

ยาซุยูกิ ฟุกุดะ ผู้จัดการกองทุน Nomura Asset Management's Japanese Information Electronics กองทุนเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ออกมายืนยันว่าหุ้นกลุ่ม AI ยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ และยังมีพื้นที่เติบโตอีกมาก โดยระบุว่าตลาดกำลังเข้าสู่ "ช่วงที่สองของการเติบโต"

ความคิดเห็นดังกล่าวออกมาท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกที่มองว่ากระแส AI อาจร้อนแรงเกินจริง หลังมูลค่าตลาดของ Nvidia ทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ ประกอบกับบริษัทเทคโนโลยี 7 รายใหญ่ครองสัดส่วนกว่าหนึ่งในสามของดัชนี S&P 500 ทำให้ตลาดเริ่มตั้งคำถามว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยหรือไม่

ทำไม 'กองทุนเทคฯ' ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นมองว่า เอไอยังไม่ฟองสบู่ ?

ยาซุยูกิ ฟุกุดะ ผู้จัดการกองทุน Nomura Asset Management's Japanese Information Electronics

ผลงานโดดเด่นเหนือดัชนีชั้นนำ

กองทุนของโนมูระทำผลตอบแทนสะสม 49% จนถึง 6 พ.ย.68 ปีนี้ เทียบกับดัชนี Topix ที่ 22% และดัชนี Topix Electric Appliances ที่ 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังแซงหน้าดัชนี Nasdaq Composite ของสหรัฐอีกด้วย

ฟุกุดะชี้ว่า ภาพรวมตลาดเทคโนโลยีในปัจจุบันต่างจากยุค "ฟองสบู่ดอตคอม" เมื่อ 25 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ในอดีตการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายโทรคมนาคมส่วนใหญ่ทำโดยสตาร์ตอัปที่ไม่มีกำไร และกระแสเงินสด ทำให้หาเงินทุนยาก และตลาดล่มสลายในที่สุด ขณะที่ปัจจุบันการลงทุนขับเคลื่อนโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเงินสดแกร่งอย่าง Meta, Google และ Amazon ทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีความยั่งยืนมากกว่า

เขาอธิบายว่าการลงทุนศูนย์ข้อมูล (Data Center) และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เป็นเพียง "ส่วนแรก" ของเรื่องการเติบโตของ AI ส่วน "ระดับต่อไป" จะเกิดขึ้นเมื่อบริษัทยูทิลิตี้ และโทรคมนาคมแบบเดิมเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น รวมถึงหุ้นสายเคเบิล และสายไฟอย่าง Furukawa Electric

ทั้งนี้ ตั้งแต่ฟุกุดะเริ่มบริหารพอร์ตในเดือนเม.ย. 2011 มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารพุ่งจาก 7.2 พันล้านเยนเป็น 8.33 หมื่นล้านเยน ณ สิ้นเดือนต.ค. ทำให้เป็นกองทุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยหุ้นหลักในพอร์ต ได้แก่ SoftBank Group, Fujikura, Furukawa Electric, Sony Group และ Tokyo Electron

ฟุกุดะเผยว่าหนึ่งในการตัดสินใจลงทุนที่ดีที่สุดคือ การเพิ่มสัดส่วนหุ้น SoftBank Group ในเดือนพ.ค.2024 ตอนราคาต่ำกว่า 10,000 เยน ก่อนจะพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่กว่า 27,000 เยนเมื่อวันที่ 29 ต.ค.68 แล้วปรับลงมาอยู่ราว 21,300 เยน

SoftBank Group ถือหุ้นใหญ่ใน Arm Holdings บริษัทออกแบบชิปของสหราชอาณาจักรที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ AI นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในโครงการ Stargate ของ OpenAI และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่สนใจลงทุนโครงการมูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ภายใต้ข้อตกลงการค้ากับโดนัลด์ ทรัมป์

ฟุกุดะปิดท้ายด้วยความกังวลว่า

"แม้ตลาดหุ้นฟื้นตัวกว้างเป็นสัญญาณดี แต่ถ้าการเติบโตมาจากหุ้นไม่กี่ตัวเหมือนที่เกิดในดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ ตลาดจะเปราะบางมาก เรากังวลว่าตลาดญี่ปุ่นกำลังเริ่มมีลักษณะแบบนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อหุ้นอย่าง SoftBank Group, Advantest และ Fast Retailing มีอิทธิพลต่อการขึ้นของดัชนี Nikkei 225 มากเกินไป"

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์