จีนยกระดับศึกการค้าสหรัฐ คว่ำบาตร 5 เรือสินค้า ขึ้นภาษีเรือเทียบท่าวันนี้

จีนยกระดับศึกการค้าสหรัฐ คว่ำบาตร 5 เรือสินค้า ขึ้นภาษีเรือเทียบท่าวันนี้

จีนประกาศคว่ำบาตร 5 เรือสินค้าในสหรัฐของเกาหลีใต้ อ้างมีส่วนทำให้สหรัฐสอบสวนภาคการเดินเรือจีนภายใต้มาตรา 301 พร้อมเริ่มการขึ้นภาษีเรือสหรัฐที่มาเทียบท่าจีนวันนี้ ยกระดับความตึงเครียดสงครามการค้า

วันนี้ (14 ต.ค. 68) ทางการจีนประกาศ "คว่ำบาตร" 5 บริษัทเดินเรือรายใหญ่ของเกาหลีใต้ในเครือของ Hanwha Ocean Co. ที่ดำเนินงานในสหรัฐ โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐสอบสวนอุตสาหกรรมเดินเรือของจีน และปักกิ่งยังขู่จะออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมในอุตสาหกรรมเดินเรือ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในศึกพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังพยายาม "สร้างอำนาจต่อรอง" ก่อนการเจรจาการค้ารอบใหม่

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์ว่า “บริษัทย่อยของ Hanwha ในสหรัฐ ได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนรัฐบาลสหรัฐในการสอบสวนและออกมาตรการที่มุ่งเป้าไปยังภาคการเดินเรือ โลจิสติกส์ และการต่อเรือของจีน จีนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการกระทำดังกล่าว”

คำสั่งคว่ำบาตรนี้ซึ่ง "มีผลบังคับใช้ทันที" จะห้ามไม่ให้องค์กรและบุคคลสัญชาติจีนทำธุรกิจกับบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร โดยกระทรวงพาณิชย์ฯ ระบุเพิ่มเติมว่า จีนกำลังประเมินผลกระทบจากการสอบสวนของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ภายใต้มาตรา 301 ต่ออุตสาหกรรมเดินเรือของจีน และอาจออกมาตรการเพิ่มเติม โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพื่อปกป้อง “อธิปไตยและความมั่นคงของจีน”

หุ้นของ Hanwha Ocean ผู้ต่อเรือรายใหญ่ของเกาหลีใต้ร่วงลงมากกว่า 8% ในวันอังคาร ส่วนหุ้นผู้ผลิตเรือของจีนกลับปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดรอบใหม่ของสองมหาอำนาจเศรษฐกิจที่กำลังส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดทุน

หลังจากที่จีนประกาศคว่ำบาตรบริษัทในเครือของ Hanwha ในสหรัฐฯ จำนวน 5 แห่ง ซึ่งถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดกับวอชิงตัน จากข้อกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบสวนอุตสาหกรรมเดินเรือของจีน

มาตรการดังกล่าวนับเป็นการ "ยกระดับ" ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อกับสหรัฐเรื่องอิทธิพลในภาคการเดินเรือ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเก็บ “ค่าธรรมเนียมพิเศษ” ต่อเรือของอีกฝ่ายที่เทียบท่าในประเทศตน เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ต.ค. ขณะเดียวกันสหรัฐก็กระตุ้นให้พันธมิตร โดยเฉพาะเกาหลีใต้ เข้ามาช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือของอเมริกาที่ซบเซามานาน 

บลูมเบิร์กระบุว่า การต่อสู้ครั้งนี้มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เพราะกว่า 80% ของการค้าระหว่างประเทศพึ่งพาการขนส่งทางเรือ

“นี่เป็นการขยายขอบเขตของสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษีหรือการควบคุมการส่งออกอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องว่า ‘บริษัทใดจะสามารถดำเนินธุรกิจในตลาดใดได้บ้าง’ หากสถานการณ์ดำเนินต่อไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกจำนวนมากอาจตกอยู่ในความเสี่ยง” เดโบราห์ เอล์มส์ ผู้อำนวยการด้านนโยบายการค้าของ Hinrich Foundation สิงคโปร์ กล่าว

อุตสาหกรรมเดินเรือเป็นเพียงหนึ่งในหลายประเด็นที่ทวีความตึงเครียดในช่วงนี้ หลังจากปักกิ่งเพิ่มการควบคุมการส่งออก "แร่หายาก" (แรร์เอิร์ธ) ขณะที่วอชิงตันขยายข้อจำกัดการเข้าถึง "เทคโนโลยีชิป" ของจีน และขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มสูงสุดถึง 100%

แม้เจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศยืนยันว่าการเจรจายังดำเนินอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถ “สงบศึก” ก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้หรือไม่ ซึ่งสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่าผู้นำทั้งสองจะพบกันในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่ประเทศเกาหลีใต้ ปลายเดือน ต.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม จีนยังมีโอกาสลดความตึงเครียดก่อนเมื่อเหลียว หมิน รัฐมนตรีช่วยคลังของจีนและเป็นหนึ่งในทีมเจรจาการค้า ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังทั่วโลกที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ และได้พบหารือกับทีมงานของเบสเซนท์แล้ว โดยคาดว่าจะมีการหารือเชิงลึกเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า