ถอดบทเรียน ‘ตุรกี-อาร์เจนตินา’ ศก. ล้มเหลวเพราะ ‘แทรกแซงแบงก์ชาติ’

สงครามปฏิรูปเฟดของทรัมป์ ชิงอำนาจเหนือ 'ธนาคารกลาง' โดยมีเศรษฐกิจของประเทศเป็นเดิมพัน หากล้มเหลวชะตากรรมอาจเหมือน ตุรกี-อาร์เจนตินา
จากการที่ประธานาธิปดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ผลักดันให้สตีเฟน มีแรน ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ เข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อดำเนินการลดดอกเบี้ยนโยบายตามความประสงค์ของรัฐบาล นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝ่ายการเมืองพยายามแทรกแซงธนาคารกลางของประเทศ
ในหน้าประวัติศาสตร์การเมือง พบว่าก่อนหน้านี้ เคยได้มีความพยายามของรัฐบาลในหลายประเทศ ที่จะควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม นอกจากการแทรกแซงเหล่านั้นจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่รัฐบาลคาดหวัง ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็อาจจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ
อ่านเพิ่มเติม: 'อิสระเฟดสั่นคลอน' ทรัมป์ดึงคนสนิท คุมบอร์ดธนาคารกลาง
มองความสำคัญของอิสรภาพธนาคารกลางผ่าน ตุรกี และ อาร์เจนตินา
เมื่อเรเย็ป เตยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีขึ้นสู่อำนาจ เรื่องของเขาได้กลายมาเป็นสิ่งเตือนใจของผู้นำที่พยายามแทรกแซงนโยบายการเงิน
โดยภายในระยะเวลา 20 เดือน ระหว่างก.ค. 2019 ถึงมี.ค 2021 เออร์โดกันได้ปลดผู้ธนาคารกลางของประเทศออกจากตำแหน่ง ถึงสามคน ได้แก่ นายมูรัต เจตินกายา นายมูรัต อุยซาล และนายนาซี อักบัล
เออร์โดกันมีมุมมองที่แปลกแหวกขนบว่า การควบคุมเงินเฟ้อที่ดี คือการลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เขาได้แทรกแซงธนาคารกลางตุรกีให้ลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น ค่าเงินลีราตุรกีก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว และนำประเทศไปสู่วิกฤตเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
อดัม มิคาลสกี นักวิจัยจากศูนย์การศึกษาตะวันออก (Center for Eastern Studies) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่า “นับตั้งแต่ปี 2018 เมื่อผู้ว่าแบงก์ชาติตุรกีตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือคงอัตราดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่เออร์โดกันต้องการ เขาก็จะปลดผู้ว่าคนนั้นออกจากตำแหน่งทันที”
หลังจากอักบัล ผู้ว่าธนาคารกลางตุรกีถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนมี.ค. 2021 อัตราเงินเฟ้อของตุรกีที่เคยอยู่ที่ 16.7% พุ่งขึ้นสูงต่อเนื่องเป็น 85.5% ในเดือน ต.ค.
วิกฤตเงินเฟ้อดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตุรกีซ้ำไปซ้ำมา จนเหลือ 8.5% ในเดือน ก.พ. 2023 ในระหว่างนี้ การพยุงค่าเงินลีราที่อ่อนค่าจากการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ตุรกีสูญเสียเงินสำรองไปกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และผลักให้ตุรกีต้องตกอยู่ในวังวนหนี้สาธารณะ
นอกจากประเทศตุรกีแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้ว่าธนาคารกลางอาร์เจนตินา (BCRA) มักจะถูกปลดออกจากตำแหน่งทันทีที่มีการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน อาร์เจนตินาเปลี่ยนผู้ว่าธนาคารกลางมากถึง 8 คน
ผู้ว่าธนาคารกลางที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีของ BCRA ได้สนับสนุนนโยบายการเงินของรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยการผลิตธนบัตรจำนวนมากเพื่อชดเชยการขาดดุลของอาร์เจนตินา นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรง ราว 292% ในเดือนเม.ย. 2024
แต่เมื่อฮาเวียร์ มิเลอิ ได้รับเลือกตั้งในปี 2023 และหันมาสนับสนุนเสถียรภาพด้านการเงินและอิสรภาพของ BCRA อีกครั้ง ก็สามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนตินา ลดลงมาเหลือ 36.6% ในเดือนก.ค. 2024
ความไว้วางใจที่มีต่อธนาคารกลางเป็นหัวใจของเสถียรภาพเศรษฐกิจ
บทวิเคราะห์ของ CNN ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้รับการยอมรับ ในการเป็นสถาบันที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพมาโดยตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา จากข้อกำหนดใน พระราชบัญญัติธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1913 ทำให้เฟดได้รับการคุ้มครองจากภาคการเมือง และมีอิสรภาพในการตัดสินใจนโยบายทางการเงิน มากกว่าธนาคารกลางในอาร์เจนตินาและตุรกี
ใน พ.ร.บ. ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาปี 1913 (Federal Reserve Act of 1913) ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งกรรมการผู้ว่าการของเฟดอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน และจ้างการงาน
โดยทั้งกรรมการผู้ว่าการทั้ง 7 คนแม้จะได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี แต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งอิสระในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
นอกจากนี้ การตัดสินใจเรื่องการเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐ (FOMC) ยังต้องอาศัยเสียงของประธานธนาคารกลางระดับภูมิภาคทั้ง 12 สาขา อีก 5 เสียง โดยจะหมุนเวียนกันไปในแต่ละปี
ดาวิเด โรเมลลี รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัยทรินิตี ดับลิน ผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามระดับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง กล่าวกับ CNN ว่า "ความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินและค่าเงินด้วย”
โรเมลลีกล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ คือทุกครั้งที่มีแรงกดดัน จากรัฐบาลในการลดระดับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ก็มักจะคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และหากประชาชนทั่วไปและนักวิเคราะห์คาดการณ์ถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นไปอีก ก็อาจจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ”
การคาดการณ์ถึงอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ทำให้ผู้บริโภคเร่งการใช้จ่ายและเรียกร้องค่าแรงที่สูงขึ้นเพื่อให้รายได้ที่แท้จริงไม่ลดลง จนนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่แท้จริงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐในการสั่งปลดลิซ่า คุก กรรมการเฟดออกจากตำแหน่งเนื่องจาก “เหตุผลเรื่องสินเชื่อจำนองบ้าน” และผลักดันให้สตีเฟน มีแรน เข้าดำรงตำแหน่งแทน เพื่อครองเสียงข้างมากในเฟด อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในสายตานักลงทุนต่างประเทศต่อเสถียรภาพของเฟดเอง
อ่านเพิ่มเติม: ลิซา คุก กรรมการเฟดยื่นฟ้องศาลขวางคำสั่งปลดของทรัมป์
บทเรียนจากตุรกีและอาร์เจนตินาจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า การแทรกแซงธนาคารกลางเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้นนั้น อาจสามารถสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล แม้ว่าเฟด จะมีรากฐานทางกฎหมายที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องความเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง แต่การเคลื่อนไหวในสหรัฐล่าสุด กลับเริ่มสร้างความวิตกกังวลว่า ความเป็นอิสระนั้นถูกบั่นทอนลง และอาจนำไปสู่วังวนของปัญหาเศรษฐกิจในที่สุด







