'อิสระเฟดสั่นคลอน' ทรัมป์ดึงคนสนิท คุมบอร์ดธนาคารกลาง

'อิสระเฟดสั่นคลอน' ทรัมป์ดึงคนสนิท คุมบอร์ดธนาคารกลาง

“ทรัมป์-พรรครีพับลิกัน” เดินเกมแต่งตั้ง “สตีเฟน มิแรน” ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนสนิท เป็นกรรมการผู้ว่าการของเฟดก่อนการประชุม FOMC เดือนนี้  หวังครองเสียงข้างมาก เพื่อลดดอกเบี้ยสนองนโยบาย จับตาผลการลงมติ เสี่ยงท้าทายเสถียรภาพธนาคารกลาง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนทั่วโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้บริหารพรรครีพับลิกัน พยายามเร่งกระบวนการสรรหา เพื่อส่ง "สตีเฟน มิแรน" ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้เข้าดำรงตำแหน่งคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนการประชุมนโยบายทางการเงิน (FOMC) ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 16-17 ก.ย. นี้

โดยความพยายามของทรัมป์ในการปฏิรูปเฟด ได้รับการตอบรับจากวุฒิสภาอย่างรวดเร็ว ผ่านการนัดพิจารณาเพื่อซักถาม และเปิดโอกาสให้มีการปราศรัยก่อนการลงมติ โดยหากได้รับการเห็นชอบ มิแรนจะเข้ามารับตำแหน่งแทนเอเดรียนา คูเกลอร์ ที่ลาออกก่อนครบวาระในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นการชั่วคราว

'อิสระเฟดสั่นคลอน' ทรัมป์ดึงคนสนิท คุมบอร์ดธนาคารกลาง

‘สตีเฟน มิแรน’ ตัวละครสำคัญในแผนการปฏิรูปธนาคารกลางของทรัมป์

การพิจารณารับรองกรรมการผู้ว่าการเฟคคนใหม่ ต่อหน้าวุฒิสภาในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดมุมมองและทัศนคติอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของสตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทรัมป์ ผู้สนับสนุนนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อ "ปรับโฉมการค้าโลก” ว่าเขาจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างความเป็นอิสระของเฟด และความจงรักภักดีต่อพรรคของเขาได้อย่างไร โดยทรัมป์กล่าวกับชาวอเมริกันว่ากำลังจะได้  “เสียงข้างมากในเฟด” เร็ว ๆ นี้ จากนั้นจะรีบลดอัตราดอกเบี้ยลงให้เร็วที่สุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้นำเสนอ ร่างคำปราศรัยของมิแรนที่จะกล่าวต่อหน้าวุฒิสมาชิกว่า

“หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของธนาคารกลาง คือการป้องกันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง เพราะฉะนั้น ความเป็นอิสระของนโยบายการเงิน จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จของธนาคาร ผมตั้งใจที่จะรักษาความเป็นอิสระนั้นไว้ และจะรับใช้ประชาชนชาวอเมริกันอย่างเต็มความสามารถ”

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าถ้อยแถลงดังกล่าว จะเป็นจริงได้มากแค่ไหน เพราะในช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงแต่มิแรน จะเมินเฉยต่อความเห็นของผู้กำหนดนโยบายของเฟดบางคน ที่ห่วงว่าภาษีของรัฐบาลทรัมป์อาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง เขายังเรียกร้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ทรัมป์ต้องการ นอกจากนี้ เขายังเคยเสนอการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างซึ่งอาจบั่นทอนความเป็นอิสระของเฟด  เช่น เสนอลดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าการธนาคารกลาง เรียกร้องให้คณะกรรมการผู้ว่าการของเฟดปฏิบัติหน้าที่ “ตามความประสงค์ของประธานาธิบดีสหรัฐ” และ เสนอให้งบประมาณของธนาคารกลางต้องผ่านการเห็นชอบของรัฐสภา”

วุฒิสมาชิกรีพับลิกันเตรียมลงมติรับรองมิแรน แม้พรรคเดโมแครตพยายามยื้อแต่ก็ไม่สำเร็จ

กระบวนการแต่งตั้ง สตีเฟน มิแรน เกิดขึ้นท่ามกลางแรงผลักดันจากบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกัน เพื่อเร่งกระบวนการสรรหาให้เร็วขึ้นอีก โดยวุฒิสมาชิกจอห์น บาร์ราสโซ สมาชิกอันดับ 2 ของพรรคได้พยายามผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์บางประการ เพื่อที่จะเอาชนะ พรรคเดโมแครต ที่ปัจจุบันทำทุกวิถีทางเพื่อถ่วงเวลา ให้การพิจารณาดำเนินไปอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถึงแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ใด ๆ ในการสรรหา สิ่งที่พรรคเดโมแครตทำได้ในเวลานี้ ก็มีเพียงการยืดเวลาการลงมติในชั้นคณะกรรมาธิการ ออกไปเป็นช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

แกนนำพรรคเดโมแครตยอมรับว่า กระบวนการสรรหาที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้น อาจทำให้พรรคฯ ล้มเหลว ในการสกัดมิแรนไม่ให้สามารถเข้าร่วมการออกเสียงในการประชุม FOMC ที่กำลังจะมาถึง โดยสาเหตุที่การประชุมในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ธ.ค. 2024

ในการนี้ ทรัมป์กำลังตัดสินใจว่า ควรจะแต่งตั้งมิแรนให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมผู้ว่าการเฟด ต่อจากวาระชั่วคราวที่จะหมดลงในเดือน ม.ค. ปีหน้าหรือไม่ มิแรนอาจเข้ามาแทนตำแหน่งของคูเกลอร์  โดยจะดำรงตำแหน่งในวาระปกติต่ออีก 14 ปี  หรือหากศาลมีคำตัดสินว่าการสั่งปลดลิซ่า คุกออกจากตำแหน่งของทรัมป์ เนื่องจาก “ความผิดพลาดทางธุรการ” มีความชอบธรรม มิแรนก็อาจจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งที่ว่างลงของเธอ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปี 2038

เตรียมจับตาดูผลการลงมติรับรอง ‘มิแรน’ นั่งกรรมการผู้ว่าการเฟด

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี มิรานได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากพรรครีพับลิกัน ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวเมื่อต้นปีด้วยคะแนนเสียง 53 ต่อ 46 เสียง

หากพรรคเดโมแครตไม่ต้องการให้ทรัมป์แต่งตั้งมิแรนสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยเสียงจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันจำนวน 4 ให้คัดค้านการแต่งตั้งครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากความนิยมในตัวของทรัมป์ที่มีต่อสมาชิกพรรค และฐานเสียงของพรรคยังคงมีอยู่อย่างล้นหลาม

อย่างไรก็ตาม ทอม ทิลลิส สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันจากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ยังไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเฟด 

เขาเชื่อว่า ‘ยาขมมักจะใช้รักษาโรค’ “เฟดสามารถบังคับให้เรากินยาขมได้เมื่อเราป่วย ในขณะที่นักการเมืองแจกแต่ขนมหวาน… เราจำเป็นต้องรักษาวินัยทางการเงินเอาไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ธนาคารกลางของเราแตกต่าง”

ทั้งนี้ การที่สหรัฐมีวินัยทางการเงินการคลังที่ดี รวมถึงการมีธนาคารกลางที่สามารถตัดสินใจได้อย่างเป็นอิสระ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศได้

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก ระบุว่า ทิลลิสจะดำรงตำแหน่งในสมัยนี้เป็นสมัยสุดท้าย จึงทำให้เขามีอิสระทางการเมืองอยู่พอสมควร และทำให้การตัดสินใจของเขาอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการลงคะแนนครั้งนี้

ในท้ายที่สุด การเร่งกระบวนการแต่งตั้งสตีเฟน มิแรน ให้เข้ามาเป็นคณะกรรมการผู้ว่าการของเฟด โดยประธานาธิบดีทรัมป์และพรรครีพับลิกันนั้น อาจเป็นไปเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง ที่ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แม้มิแรนจะยืนยันว่าจะรักษาความเป็นอิสระของเฟด อย่างสุดความสามารถ แต่ประวัติและมุมมองของเขาในอดีตอาจทำให้หลายคนเคลือบแคลงใจว่า เขาจะสามารถต้านทานข้อเรียกร้องจากทำเนียบขาวได้จริงหรือไม่ หากได้รับแรงกดดันจากพรรค การแต่งตั้งครั้งนี้จึงเป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะส่งผลต่อทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐในอนาคตแล้ว ยังเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจของประเทศในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก และเป็นแบบแผนให้กับธนาคารกลางอื่น ๆ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย

อ้างอิง Bloomberg, กรุงเทพธุรกิจ