‘แก๊งสแกมเมียนมา’ ยังไม่ตาย! ใช้ ‘เน็ต Starlink’ ต่อชีวิต จานขาวโผล่พรึ่บเมียวดี

แม้ว่าไทยตัดสายเคเบิลเน็ตที่ส่งให้แก๊งสแกมเมอร์เมียนมาไปแล้ว แต่ล่าสุด ปัญหา “ยังคงไม่จบ” แก๊งสแกมเหล่านี้ได้หันไปใช้ “อินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink” ของอีลอน มัสก์ แทน เพื่อไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อโทรศัพท์ และสายเคเบิลเน็ตแบบเดิมอีก

ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่ International Justice Mission (IJM) ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนจากสหรัฐที่ต่อสู้กับการค้ามนุษย์ ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวนิกเคอิ เอเชียว่า กลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้กำลังเพิ่มการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ขึ้นกว่า “สองเท่า” นับตั้งแต่มีการตัดสัญญาณ

อีริค ไฮนซ์ นักวิเคราะห์ระดับโลกของ IJM กล่าวว่า “นี่คือ แนวโน้มที่เกิดขึ้น” และเสริมว่า “คุณจะเห็นการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะใน KK Park และในอาคารขนาดใหญ่บางแห่ง” โดยอ้างถึงศูนย์ในเมืองเมียวดีของเมียนมา “ในภาพถ่ายดาวเทียมของ Google คุณจะเห็นเสาอากาศ Starlink ขนาดเล็กจำนวนมากอยู่บนหลังคา”

เพื่อประเมินการใช้ Starlink ของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ IJM ได้รวบรวมข้อมูลโทรศัพท์มือถือที่หาได้จากเครื่องมือของอุตสาหกรรมโฆษณา รวมถึงข้อมูลผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ โดยไฮนซ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้มานี้อาจยังต่ำกว่าจำนวนการเชื่อมต่อ Starlink ที่แท้จริงของแก๊งเหล่านี้ แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจน

ข้อมูลที่ IJM รวบรวมจากกลุ่มอาชญากรรมขนาดใหญ่ 8 แห่งในเมืองเมียวดี และพื้นที่ใกล้เคียง แสดงให้เห็นว่า มีการเชื่อมต่อ Starlink ถึง 2,492 ครั้งในเดือนเมษายน 2025 ซึ่ง “มากกว่าสองเท่า” ของตัวเลขในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งเป็นเดือนก่อนที่การตัดสัญญาณของไทยจะมีผลบังคับใช้

ภาพจาก Google Earth ยังแสดงให้เห็นว่า หลังคาของกลุ่มอาชญากรถูกปกคลุมไปด้วย “จานรับสัญญาณสี่เหลี่ยมสีขาว” อันเป็นเอกลักษณ์ของ Starlink ในปี 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่มี

ทั้งนี้ บริษัทของอีลอน มัสก์ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีกลุ่มดาวเทียมเกือบ 8,000 ดวงในวงโคจรต่ำของโลก 

“แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตในเมียนมา แต่ Starlink ได้กลายเป็น ‘รูปแบบหลักของการเข้าถึงโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม’ สำหรับกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้” เจคอบ ซิมส์ นักวิจัยรับเชิญจาก Harvard's Asia Center ผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว

แทบทุกคนที่มีจานรับสัญญาณ เราเตอร์ และสายเคเบิล ซึ่งประกอบขึ้นเป็นชุดอุปกรณ์ ก็สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียม Starlink ที่ส่งมายังประเทศที่สมัครใช้บริการได้ อีกทั้งด้วยขนาดที่เล็กกว่า 40 x 60 เซนติเมตร จานแบนราบเหล่านี้จึงมีขนาดเล็กพอที่จะพกใส่กระเป๋าเป้ และลักลอบข้ามพรมแดนได้ง่ายด้วย

มิเชลล์ มัวร์ ผู้บริหารส่วนภูมิภาคเอเชียของ Global Alms ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด ชายแดนไทย ในการให้ความช่วยเหลือผู้คนหลายพันคนที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์ กล่าวว่า เธอสามารถมองเห็น “จานรับสัญญาณ Starlink” ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดบนอาคารของกลุ่มอาชญากรเหล่านั้นจากฝั่งไทย

มัวร์ระบุว่า จานรับสัญญาณเหล่านี้เริ่มปรากฏให้เห็นในปี 2023 หลังจากความพยายามครั้งก่อนของไทยในการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ของกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งเป็นความพยายามที่เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ และนับตั้งแต่นั้นมา จานรับสัญญาณก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“คุณสามารถเห็นมันได้บนหลังคา บนระเบียง มันอยู่ทั่วทุกอาคารของแก๊งสแกม ฉันไม่รู้ว่ามีอาคารไหนที่ตั้งอยู่ชายแดนไทย-เมียนมาตอนนี้ที่ไม่มี Starlink” เธอกล่าว “นี่คือหนทางใหม่ของพวกเขา”

ด้านพล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่า การโทรศัพท์หลอกลวงไปยังประเทศอื่นๆ ลดลงไปมากน้อยเพียงใด และยอมรับว่า อาจมีผู้คนมากถึง 100,000 คนที่ยังคงทำงานอยู่ในแก๊งคอลเซนเตอร์

เขายังยอมรับว่า การลักลอบขนเชื้อเพลิง และอุปกรณ์ Starlink เข้าไปยังเมียนมา กำลังบั่นทอนประสิทธิภาพของ “มาตรการสามตัด” (ตัดน้ำมัน ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต) อย่างรุนแรง พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ประเทศไทยได้ติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ เพื่อพยายามให้ Starlink บล็อกการให้บริการในพื้นที่ชายแดน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

“เรากำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ และผมหวังว่า เราจะสามารถทำให้ Starlink ปิดการใช้งานเครื่องมือเหล่านั้นได้” พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าว “มิฉะนั้น ผมคิดว่าค่อนข้างยากที่เราจะหยุดยั้งปฏิบัติการของพวกเขาได้ หากพวกเขายังคงใช้ Starlink สำหรับอินเทอร์เน็ต”

อ้างอิง: nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์