สงครามยังไม่เกิด ออสเตรเลียไม่รับปากส่งทหารช่วยสหรัฐ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน นายแพต คอนรอย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกลาโหมออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซีว่า ออสเตรเลีย ให้ความสำคัญกับอธิปไตยเป็นอันดับแรก “เราจะไม่หารือเรื่องที่เป็นข้อสมมุติ”  

“การตัดสินใจรับปากส่งทหารออสเตรเลียเข้าไปในความขัดแย้งจะกระทำโดยรัฐบาลในวันนั้น ไม่มีการรับปากล่วงหน้าถ้าไม่ใช่รัฐบาลในวันนั้น”

ก่อนหน้านี้ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานในวันเสาร์ (12 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐว่า นายเอลบริดจ์ คอลบี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐ กำลังผลักดันเจ้าหน้าที่กลาโหมออสเตรเลียและญี่ปุ่นให้แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะทำอะไรหากสหรัฐกับจีนขัดแย้งกันเรื่องไต้หวัน โดยที่สหรัฐเองไม่ได้รับรองการป้องกันไต้หวันเลย

คอลบีโพสต์ X ว่า กระทรวงกลาโหมกำลังปฏิบัติตามนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการกลับมาใช้การป้องปรามอีกครั้ง ซึ่งรวมถึง

“เรียกร้องพันธมิตรให้เพิ่มงบประมาณกลาโหมและความพยายามอื่นๆ เกี่ยวข้องกับการป้องกันร่วมของเรา”

จีนอ้างว่าไต้หวันที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นของตน และอาจใช้กำลังทหารยึดไต้หวันกลับมาอยู่ใต้การปกครองของจีน ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของ ไต้หวันปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าว ระบุ ประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินอนาคตของตนเอง

ขณะที่ออสเตรเลียวันนี้ (13 ก.ค.) เปิดการซ้อมรบใหญ่สุดกับสหรัฐ ชื่อปฏิบัติการ Talisman Sabre ที่อ่าวซิดนีย์ ทหาร 30,000 นายจาก 19 ประเทศเข้าร่วม

นายคอนรอยกล่าวด้วยว่า ออสเตรเลียกังวลเรื่องกองทัพจีนสั่งสมกองกำลังนิวเคลียร์และกองกำลังดั้งเดิม และต้องการสร้างสมดุลในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ยังไม่มีประเทศใดครองความเป็นเจ้า

“จีนพยายามมีฐานทัพในภูมิภาค และเรากำลังทำงานอย่างหนักให้เป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงตัวเลือกแรกของภูมิภาคนี้ เพราะเราไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องดีสำหรับออสเตรเลีย” คอนรอยกล่าวโดยหมายถึงหมู่เกาะแปซิฟิก 

ทั้งนี้ คาดกันว่านายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ที่เดินทางถึงเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันเสาร์ (12 ก.ค.) และมีกำหนดเยือนจีนหกวัน จะหยิบประเด็นความมั่นคงมาหารือกับผู้นำจีนในสัปดาห์นี้

สำหรับการซ้อมรบ Talisman Sabre ที่ครอบคลุมระยะทาง 6,500 กม. จากเกาะคริสต์มาสดินแดนในมหาสมุทรอินเดียของออสเตรเลีย ไปจนถึงทะเลโครอล ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ นายคอนรอยกล่าวว่า เป็นไปได้ที่กองทัพเรือจีนจะจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อเก็บข้อมูล เหมือนอย่างที่เคยทำมาในอดีต

สหรัฐนั้นเป็นพันธมิตรหลักด้านความมั่นของออสเตรเลีย แม้ออสเตรเลียไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาตั้งฐานทัพ แต่กองทัพสหรัฐก็ขยายกำลังพลหมุนเวียนและคลังน้ำมันในออสเตรเลีย ซึ่งตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไปเรือดำน้ำเวอร์จิเนียของสหรัฐจะมาประจำการที่ท่าเรือในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย นักวิเคราะห์มองว่า เรือดำน้ำนี้จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกองกำลังสหรัฐหากมีความขัดแย้งใดๆ กรณีไต้หวัน