‘สหรัฐ’ แบน ‘กัมพูชา’ ? ธุรกิจสีเทา | กันต์ เอี่ยมอินทรา

กัมพูชามีการเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แต่เมื่อผู้นำดำเนินนโยบายผิด เป็นฐานให้ธุรกิจสีเทา จึงทำให้ประเทศกำลังจะถูกแบนจากสหรัฐ และผลกรรมก็ตกเป็นของสุจริตชนคนกัมพูชาทุกคน
สหรัฐกำลังตัดสินใจแบนพลเมืองของ 36 ประเทศเพื่อเข้าสหรัฐเพิ่มเติม หลังจากที่แบนไปแล้วกว่า 12 ประเทศ
และหนึ่งในประเทศที่กำลังจะถูกแบนในเร็วๆ นี้คือ กัมพูชา ที่ไทยเรามีกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนอยู่ ณ ขณะนี้
หากนำกลุ่มประเทศ 12+36 มาวิเคราะห์คคร่าวๆ เร็วๆ แล้วจะพบว่า ประเทศเหล่านี้นั้นหากไม่เป็นรัฐที่ล้มเหลว รัฐบาลกลางไร้อำนาจนำ จนพื้นที่ย่อยๆ เป็นฐานของการก่อการร้าย ก็เป็นรัฐที่รัฐบาลกลางสนับสนุนโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่เพียงแต่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ยังเป็นกิจกรรมสีเทา อาทิ ฐานผลิตยาเสพติด แหล่งแก๊งคอลเซนเตอร์
จึงไม่น่าแปลกใจว่าสหรัฐได้แบนเพื่อนบ้านพรมแดนติดกับเราอย่างเมียนมาและลาวไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่รอบก่อน เพราะทั้งเมียนมาและลาวนั้นก็เป็นแหล่งธุรกิจสีเทา ทั้งยาเสพติด ธุรกิจการพนัน การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ ความไร้เสถียรภาพของรัฐบาลทหารเมียนมาทำให้เกิดสงครามการต่อสู้ระหว่างกันของกลุ่มต่างๆ ในประเทศ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเมียนมาที่ส่วนใหญ่ผูกกับทรัพยากรอันมากมายที่เมียนมามี ที่เคยทำเงินได้มากก็ล้วนกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอีลีทเดิม มีช่องว่างระหว่างคนรวยจนสูง ประชาชนระดับล่างทำเงินได้ไม่มาก ประกอบกับภายใต้การสู้รบอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจที่อัตคัดแต่เดิมอยู่แล้ว กระทบหนักยิ่งขึ้น และการสู้รบที่ต่อเนื่องยาวนานนั้นต้องใช้เงิน จึงทำให้ผู้มีอำนาจท้องถิ่นตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางนี้
ขณะที่ลาวที่ภายนอกดูเหมือนจะมีการเมืองที่สงบกว่าเมียนมา แต่เศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะธุรกิจหลักที่ลาวพึ่งพา นอกเหนือจากการท่องเที่ยวก็คือการขายทรัพยากร ทั้งพลังงาน เหมืองแร่ ป่าไม้ ไม่ก็ทำเกษตรกรรม ซึ่งก็คือแนวทางการพัฒนาประเทศในแบบเดียวกับที่พม่าทำ แบบเดียวกับที่ไทยทำ เพียงแต่เราทำแบบนี้เมื่อหลายสิบหรือเป็นร้อยกว่าปีมาแล้ว และก็หยุดทำแล้ว
ดังนั้นการเข้ามาของกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนนั้น จึงเลือกสองประเทศนี้ เพราะสามารถดีลธุรกิจได้ง่ายและโดยตรงกับผู้มีอำนาจ ใช้ยุทธศาสตร์พื้นที่ใกล้ไทยเป็นแหล่งเพื่อจับตลาดหรือเหยื่อคนไทย ภายใต้แสงสีที่สวยงามของแหล่งกาสิโนตรงข้ามฝั่งไทย แต่มีฉากหลังเป็นแหล่งธุรกิจสีเทา ที่คนท้องถิ่นแตะไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่สัมปทาน (เขตเศรษฐกิจพิเศษ) ที่แทบจะไม่ขึ้นกับอธิปไตยของสองประเทศเลย
ขณะที่กรณีของกัมพูชานั้น การเมืองมีเสถียรภาพที่มั่นคง แต่เศรษฐกิจกลับไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น เพราะความไร้สามารถของการบริหารประเทศ การมีประชาธิปไตยที่ไร้เสียงค้าน ไร้การด่วงดุล ทำให้ประเทศถูกผูกขาดอยู่ในมือนักการเมือง และนโยบายที่อิงชิดกับจีนที่มากเกินไป ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแปรผันตรงกับเศรษฐกิจจีน อาจจะไม่โมเดลการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนนัก
ลาวและเมียนมาไม่มีการเลือกตั้ง แต่กัมพูชายังมีการเลือกตั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แต่เมื่อผู้นำดำเนินนโยบายผิด เป็นฐานให้ธุรกิจสีเทา หรือแม้กระทั่งมีผลประโยชน์เสียเอง จึงทำให้ประเทศกำลังจะถูกแบนจากสหรัฐ และผลกรรมก็ตกเป็นของสุจริตชนคนกัมพูชาทุกคน







