ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 'ยอดสตรีมมิ่ง' แซงหน้าการดูทีวีเรียบร้อยแล้ว

"การสตรีมมิ่ง" มียอดคนดูแซงหน้าการดูทีวีผ่านระบบออกอากาศ และเคเบิลรวมกัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
รายงานฉบับใหม่ของ Nielsen บริษัทวัดผลผู้ชมสื่อสัญชาติอเมริกัน เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า "การสตรีมมิ่ง" มียอดคนดูแซงหน้าการดูทีวีผ่านระบบออกอากาศ และเคเบิลรวมกัน เป็นครั้งแรก
การสตรีมมิ่งคิดเป็น 44.8% จากการรับชมของทีวีทั้งหมดในช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ขณะที่การรวมกันของการดูทีวีผ่านระบบออกอากาศ (20.1%) และเคเบิลทีวี (24.1%) มีสัดส่วนรวมกันที่ 44.2% ตามรายงานประจำเดือน The Gauge ของ Nielsen
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ Nielsen เริ่มรายงานยอดการเข้าชมประจำเดือน พบว่า การรับชมผ่านสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 71% ขณะที่การรับชมผ่านทีวีออกอากาศและเคเบิลลดลง 21% และ 39% ตามลำดับ
ไบรอัน ฟูเรอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และผู้นำทางความคิดของ Nielsen กล่าวว่า "ขณะที่หลายคนคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ แต่การแข่งขันกีฬา ข่าว และคอนเทนต์ซีซันใหม่กลับทำให้การรับชมผ่านการออกอากาศ และเคเบิลทีวียังคงฟื้นตัวได้อย่างน่าประหลาดใจ"
สัดส่วนของการรับชมผ่านระบบสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรายงาน The Gauge นับตั้งแต่ปี 2021 เมื่อเทียบกับสัดส่วนการรับชมทีวีผ่านระบบออกอากาศ และเคเบิล
ฟูเรอร์ กล่าวว่า การเติบโตของการสตรีมมิ่งเกิดจากสามปัจจัยหลัก ได้แก่ บริการทีวีสตรีมมิ่งฟรีที่มีโฆษณาแฝง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Free Ad-supported Streaming TV (FAST), การเติบโตของ YouTube และการเปลี่ยนแปลงภายในของบริษัทสื่อดั้งเดิมซึ่ง มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เน้นการรับชมผ่านสตรีมมิ่ง
ข้อมูลของ Nielsen ระบุว่า ในเดือน พ.ค. ปี 2021 มีเพียง 5 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเท่านั้นที่มีสัดส่วนการรับชมทีวีเกิน 1% ขณะที่ในรายงานจาก The Gauge ระบุว่า ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งถึง 11 แห่งที่มีสัดส่วนเกินเกณฑ์ดังกล่าว
แพลตฟอร์ม FAST อย่าง Pluto TV, Roku Channel และ Tubi เองก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริการฟรีเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในภาพรวม ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ช่อง FAST ทั้งสามมีสัดส่วนการรับชมทีวีรวมกันถึง 5.7% ซึ่งสูงกว่าช่องทีวีระบบออกอากาศช่องใดช่องหนึ่ง
อีกหนึ่งทางเลือกในการรับชมแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายคือ YouTube ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นผู้นำด้านการสตรีมมิ่งในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา โดย YouTube (ไม่รวม YouTube TV) มีอัตราการรับชมเพิ่มขึ้นถึง 120% นับตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2021 โดย YouTube มีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 12.5% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดในบรรดาผู้ให้บริการสตรีมมิ่งทั้งหมดเท่าที่เคยมีมา และยังถือเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่ส่วนแบ่งของ YouTube เพิ่มขึ้น
การเติบโตของ YouTube ได้รับการบันทึกไว้อย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในฐานะคู่แข่งรายสำคัญด้านจำนวนผู้ชม เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทสื่อดั้งเดิมไม่อาจมองข้ามความสำเร็จของ YouTube ได้อีกต่อไป และในหลายครั้งยังมีการร่วมมือกันกับผู้ผลิตสื่อรายอื่นอีกด้วย อย่างเช่น เนื้อหาต้นฉบับที่ดิสนีย์ผลิตขึ้นเพื่อเผยแพร่บน YouTube ซึ่งสามารถเสริมเนื้อหาแบบยาวบน Disney+ และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมที่ลึกขึ้นกับตัวละครของแบรนด์ ตามคำกล่าวของโฆษกจากดิสนีย์
ฟูเรอร์ ยังได้กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของบริษัทสื่อดั้งเดิมให้กลายเป็นองค์กรที่เน้นการสตรีมมิ่งเป็นหลัก ถือเป็นแนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่ง ขณะที่ Nielsen ระบุว่า Hulu, Paramount และ Peacock เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการไปเป็นส่วนหนึ่งของทีวีแบบดั้งเดิมแทนที่จะมองเป็นคู่แข่ง อย่างเช่น การแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 59 ได้ถูกถ่ายทอดทั้งทางช่อง Fox และ Tubi อย่างประสบความสำเร็จ และโอลิมปิก 2024 สามารถรับชมได้ทั้งผ่าน NBC และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Peacock
ข่าวการปรับโครงสร้างล่าสุดจากบริษัทสื่อใหญ่ ๆ อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ในส่วนของ Warner Bros. Discovery ได้ประกาศเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่าจะแยกบริษัทออกเป็นสองส่วน ได้แก่ บริษัทสตรีมมิ่งและสตูดิโอ รวมถึงบริษัทเครือข่ายระดับโลก ขณะที่ Comcast ประกาศว่าจะแยกธุรกิจเครือข่ายเคเบิล NBCUniversal ออกเป็นส่วนใหญ่ รวมถึง CNBC ด้วย
Netflix กลายเป็นผู้ชนะที่ชัดเจนในกลุ่มบริการสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน จากข้อมูลของ Nielsen เปิดเผยว่า บริษัทสื่อนี้มีการรับชมเพิ่มขึ้นถึง 27% ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา และยังคงเป็นผู้ให้บริการสมัครสมาชิกที่มีการใช้งานทีวีรวมสูงสุดในช่วงเวลานั้น
Nielsen เผยว่า แม้เหตุการณ์สำคัญนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นซ้ำทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อฤดูกาลฟุตบอลเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี แต่ก็คาดการณ์ว่าในที่สุดแล้ว สตรีมมิ่งจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 อย่างถาวร
ผลงานของพงศ์พล นิสยันท์นักศึกษาฝึกงานของกรุงเทพธุรกิจ







