ฝรั่งเศสจับมือคอสตาริกาเจ้าภาพประชุม UN ว่าด้วยมหาสมุทร

ฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับคอสตาริกาจัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 ณ เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568
สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยแจ้งว่า ฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับคอสตาริกาจัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (United Nations Ocean Conference – UNOC) ณ เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2568 ภายใต้แนวคิด “We Are Ocean” หรือ “พวกเราคือมหาสมุทร” โดยมีเป้าหมายหลักในการผลักดันมาตรการเชิงรูปธรรมเพื่อการอนุรักษ์และปกป้องมหาสมุทร ซึ่งการประชุมครั้งนี้นับเป็นเวทีสำคัญที่ประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลจากกว่า 110 ประเทศ ตลอดจนผู้แทนจากภาควิชาการ วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ ภาคประชาสังคม และประชาชนจากทั่วโลกเข้าร่วมจำนวนหลายหมื่นคน
- “มหาสมุทร” ทรัพยากรร่วมของมนุษยชาติ กำลังเผชิญวิกฤตรุนแรง
มหาสมุทรเป็นแหล่งอาหาร พลังงาน เส้นทางคมนาคม และองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่หล่อเลี้ยงประชากรโลกกว่า 1 ใน 3 ปัจจุบันมหาสมุทรกำลังเผชิญวิกฤตรุนแรงจากกิจกรรมมนุษย์ เช่น ขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตันต่อปีที่ถูกทิ้งลงทะเล การประมงเกินขนาด ปรากฏการณ์ทะเลกรด ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น และการสูญเสียระบบนิเวศทางทะเล ทั้งหมดล้วนเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเร่งด่วนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูมหาสมุทรเพื่ออนาคตของโลก
- ความตกลงนีซ (Nice Agreement)
การประชุม UNOC ครั้งที่ 3 นับเป็นโอกาสสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการจัดทำ “ความตกลงนีซ” (Nice Agreement) เพื่อเป็นพันธะสัญญาระหว่างประเทศในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
ตัวอย่างวาระสำคัญในการประชุม UNOC ครั้งที่ 3
1) การผลักดันสนธิสัญญา BBNJ (Marine Biodiversity Beyond National Jurisdiction)
สนธิสัญญานี้มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ทะเลนอกเขตอธิปไตยของประเทศต่าง ๆ โดยต้องการการให้สัตยาบันจาก 60 ประเทศ ปัจจุบันมีเพียง 28 ประเทศที่ให้สัตยาบันแล้ว จึงจำเป็นต้องเร่งรัดกระบวนการนี้เพื่อให้สนธิสัญญามีผลบังคับใช้
2) การระดมทุนเพื่อการอนุรักษ์มหาสมุทร
เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าจะมีการระดมทุนสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรอย่างยั่งยืน รวมถึงการเปิดตัวพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bonds) และกองทุนเพื่อการลงทุนในระบบนิเวศชายฝั่งและทะเล
3) การบูรณาการการอนุรักษ์มหาสมุทรกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การประชุมจะเน้นการเชื่อมโยงระหว่างการอนุรักษ์มหาสมุทรกับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม COP30 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-21 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดแนวทางการบรรเทาความรุนแรงของวิกฤตโลกร้อน
เนื่องในโอกาสดังกล่าว ระหว่างวันที่ 3 - 9 มิถุนายน 2568 มีกำหนดการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสุดยอดมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ (UNOC3) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม นักลงทุนจากภาครัฐและเอกชน ผู้กำหนดนโยบาย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จะร่วมกันหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ พร้อมทั้งแสวงหาแนวทางความร่วมมือ และเจรจาเพื่อระดมทุนในการสนับสนุนการอนุรักษ์มหาสมุทรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 8 มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งตรงกับมหาสมุทรโลก (World Oceans Day) จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่
- เหตุใดประเทศไทยต้องใส่ใจเรื่องมหาสมุทร
ประเทศไทยมีจังหวัดที่มีพื้นที่ทะเลทั้งหมด 23 จังหวัด โดยชายฝั่งทะเลของประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในระดับนานาชาติ โดยเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ลงนามในความตกลงภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ว่าด้วยการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่นอกเขตอำนาจรัฐ (Agreement under the United Nations Convention on the Law of the Sea on the Conservation and Sustainable Use of Marine Biological Diversity of Areas beyond National Jurisdiction: BBNJ) ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการแสดงบทบาทเชิงรุกของไทยในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลหลวง และส่งเสริมการกำกับดูแลมหาสมุทรอย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป
หากประเทศไทยเข้าร่วมภาคีภาคีกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก จะได้รับประโยชน์จากกลไกต่าง ๆ ภายใต้ BBNJ โดยเฉพาะการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมทางทะเลในพื้นที่นอกเขตอำนาจรัฐ และทรัพยากรพันธุกรรมทางทะเลเพื่อการวิจัย การเสริมสร้างขีดความสามารถและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทะเล ซึ่งถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพและสนับสนุนการทำงานในด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล สอดคล้องกับเป้าหมาย SGD14 อีกด้วย
พร้อมเปิดโอกาสให้ไทยได้แสดงบทบาทและมีส่วนร่วมในเวทีพหุภาคี โดยร่วมมือกับสหประชาชาติ เพื่อสะท้อนให้ประชาคมโลกเห็นถึงศักยภาพของไทยและสร้างความเชื่อมั่นในเวทีระหว่างประเทศ
โอกาสนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนจากไทย มีกำหนดเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม UNOC3 ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างไทยและฝรั่งเศสในการปกป้องมหาสมุทร โดยที่ผ่านมา มีความร่วมมือในการส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืน การจัดการขยะพลาสติกในทะเล และการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งฝรั่งเศสได้สนับสนุนโครงการวิจัยและอนุรักษ์สัตว์ทะเล ผ่านเครือข่ายวิทยาศาสตร์ของไทย
- ฝรั่งเศส ประเทศผู้นำด้านการปกป้องมหาสมุทร
ฝรั่งเศสถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำระดับโลกด้านการอนุรักษ์และปกป้องมหาสมุทร โดยมุ่งมั่นในการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคยุโรป และระดับสากล เนื่องด้วยฝรั่งเศสมีเขตเศรษฐกิจพิเศษใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และอันดับหนึ่งในภูมิภาคแปซิฟิก พร้อมทั้งมีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางทะเลและชายฝั่งในหลายภูมิภาคทั่วโลก
ฝรั่งเศสยืนยันความมุ่งมั่นในการปกป้องมหาสมุทร พร้อมอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยขอเชิญชวนประชาคมระหว่างประเทศทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้ เพื่ออนาคตของประชาคมโลกและเยาวชนคนรุ่นหลังสืบไป







