Paddington in Peru มิตรภาพซึ้งถึงแผ่นดินไทย

จากหนังสือสู่รายการทีวีและภาพยนตร์ ล่าสุดยังทำหน้าที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี 

สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย  จัดฉายภาพยนตร์ Paddington in Peru รอบปฐมทัศน์เมื่อวันก่อน เนื่องในวาระเฉลิมฉลอง 170 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหราชอาณาจักร และ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เปรู ความหมายของภาพยนตร์สะท้อนอยู่ในสปีชเปิดงานของท่านทูตทั้งสอง บ่งบอกมิตรภาพอันอบอุ่นที่ไม่เฉพาะแค่สหราชอาณาจักรกับเปรู แต่ยังเชื่อมโยงมาถึงไทยด้วย 

 ‘แพดดิงตัน’ความทรงจำวัยเยาว์

มาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษ เผยว่า  การเลือกภาพยนตร์เรื่อง Paddington in Peru มาฉายในวาระสำคัญนี้เพราะจิตวิญญาณของหมีแพดดิงตันเต็มไปด้วยมิตรภาพและความเป็นหุ้นส่วน เป็นจิตวิญญาณที่ทั้งสองประเทศอยากเน้นย้ำ 

“ผมยอมรับว่าตลอดเวลากว่า 20 ปีที่เป็นนักการทูต ผมกล่าวสุนทรพจน์มาแล้วมากมายหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องหมี! แต่ผมก็ยินดีเพราะนี่คือส่วนหนึ่งของความทรงจำเก่าแก่สุดของผมที่ได้ชมหมีแพดดิงตันทางทีวีตอนที่ผมยังเด็กมากๆ” ทูตอังกฤษกล่าวติดตลกก่อนจะขยายความว่า แพดดิงตัน เป็นผลงานการประพันธ์ของไมเคิล บอนด์ เมื่อปี 1958 

“ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะครับ  รายการทีวีถูกสร้างหลังจากนั้นราว 20 ปี และได้รับความนิยมมาก เพราะแพดดิงตันได้หลอมรวมค่านิยมมากมายในสังคมสหราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่น ความเมตตากรุณา และการเคารพให้เกียรติ” ทูตมาร์คกล่าวก่อนจะเล่าต่อถึงแพดดิงตันตามประสาแฟนพันธุ์แท้ว่า เจ้าหมีน้อยเดินทางจากเปรูมาถึงสหราชอาณาจักรตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง สมบัติติดตัวมีเพียงหมวกสีแดง กระเป๋าเดินทาง และสัญลักษณ์บนตัวบ่งบอกว่า ‘ช่วยดูแลผมด้วย ขอบคุณ’ เท่านั้น จากนั้นเขาก็ออกเดินทางในสหราชอาณาจักรจนมีคนมาพบที่สถานีรถไฟแพดดิงตัน การเดินทางของเจ้าหมีเต็มไปด้วยการผจญภัยทุกรูปแบบ จนกลายเป็นรายการทีวียอดฮิต และสร้างเป็นภาพยนตร์ซึ่ง Paddington in Peru เป็นเรื่องที่ 3 

  ทูตมาร์คยังกล่าวถึงอีกหนึ่งผลงานของเจ้าหมีแพดดิงตันที่คนไทยยังจำกันได้ดี นั่นคือคลิปวีดิโออันโด่งดังในวาระฉลองสิริราชสมบัติ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ที่พระองค์พระราชทานเลี้ยงน้ำชาแด่หมีแพดดิงตัน โดยทรงมีแซนด์วิชแยมส้มติดไว้ในกรณีฉุกเฉินเหมือนเจ้าแพดดิงตันด้วย

• ต้นกำเนิดจากเปรู

เซซิเลีย ซูนิลดา กาลาร์เรตา บาซัน (Cecilia Zunilda Galarreta Bazán) เอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย ก็มีประสบการณ์น่ารักกับแพดดิงตันเหมือนกัน เธอเล่าถึงช่วงเวลาศึกษาปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร เมื่อไปที่นั่นครั้งแรกได้พบเพื่อนนักศึกษาอังกฤษที่น่ารักมากคนหนึ่ง

“เมื่อบอกเพื่อนคนนี้ว่ามาจากเปรูเท่านั้นแหละ เธอพูดว่า อ๋อ... คุณมาจาก the darkest Peru ซึ่งดิฉันนึกไม่ออกเลยค่ะว่ามันคือที่ไหนในเปรู จนเพื่อนต้องอธิบายว่าเป็นที่ที่แพดดิงตันจากมา นั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้ยินเรื่องของแพดดิงตัน” ทูตเซซิเลียเล่าความทรงจำและว่า เธอได้เรียนรู้เรื่องราวของแพดดิงตันจากภาพยนตร์ ซึ่งใน Paddington in Peru ผู้ชมจะได้เห็นเปรู ทั้งภูมิประเทศ ผู้คน วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ 

ทูตเซซิเลียกล่าวด้วยว่า เมื่อชมภาพยนตร์จบแล้วอยากเชิญชวนทุกคนไปเที่ยวเปรู ไปสัมผัสมนต์ขลังและประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ด้วยตัวเอง ผู้ชมสามารถตามรอยแพดดิงตันไปถึงมาชูปิชูแหล่งอารยธรรมโบราณของอาณาจักรอินคา ไม่เพียงเท่านั้นเขายังตระเวนไปตามท้องถนนของเมืองกุสโก ไปเยือนกรุงลิมา ที่ซึ่งผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมกับสีสันของโลกยุคใหม่ 

"จริงๆ แล้วเปรูเป็นของทุกคนค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำอะไร ถ้าคุณชอบธรรมชาติคุณก็ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ ไปชายหาดทางภาคเหนือ ไปป่าอเมซอน หรือคนที่ชอบอาหารไม่ว่าจะไปที่ไหนแม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลก็จะได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศเหมือนในประเทศไทย" ทูตเปรูขายของทิ้งท้ายซึ่งไม่ได้เกินเลยแม้แต่น้อย เพราะภาพยนตร์ฉายภาพบรรยากาศท่องเที่ยวเปรูราวกับคนดูได้เข้าไปสัมผัสจริงๆ ชมจากจอยังซาบซึ้งขนาดนี้ ถ้าได้ไปท่องเที่ยวจริงๆ จะตื่นตาตื่นใจขนาดไหน 

ในฐานะคนดูคุณูปการของ  Paddington in Peru นอกจากความสนุกสนานแล้ว ตัวภาพยนตร์ยังบ่งบอกถึงมิตรภาพอย่างชัดเจน เหมาะสมกับการนำมาจัดฉายเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญ ไม่น่าเชื่อว่าภาพยนตร์หนึ่งเรื่องจะนำมาเป็นภาพแทนความสัมพันธ์ของสามประเทศได้พร้อมๆ กัน ไม่ผิดนักหากจะบอกว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความน่ารักของเจ้าแพดดิงตันแท้ๆ เชียว