สิงคโปร์วิพากษ์ภาพลักษณ์สหรัฐเปลี่ยนในสายตาชาวเอเชีย

สิงคโปร์วิพากษ์ภาพลักษณ์สหรัฐเปลี่ยนในสายตาชาวเอเชีย

รมต.กลาโหมสิงคโปร์ ชี้ มุมมองชาวเอเชียต่อสหรัฐเปลี่ยนจาก 'ผู้พิทักษ์' เป็น 'เจ้าของที่ดินเก็บค่าเช่า' ขณะที่ทรัมป์เร่งปรับนโยบายหลายด้าน

รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง แสดงความเห็นในการประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า มุมมองของชาวเอเชียที่มีต่อสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่เคยเป็น "ผู้พิทักษ์ความถูกต้อง" กลายเป็น "เจ้าของที่ดินที่คอยเรียกเก็บค่าเช่า" ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก

ในการอภิปรายโต๊ะกลมที่การประชุม Munich Security Conference รมต.กลาโหมสิงคโปร์ชี้ให้เห็นว่า สมมติฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์ของสหรัฐที่เคยเป็นประเทศผู้ต่อต้านการกดขี่ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้เมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว ได้แปรเปลี่ยนเป็น "ผู้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่"

ความเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับพันธมิตรนาโต ด้วยแผนเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเจ้าหน้าที่หลายคนในการประชุมแสดงความกังวลว่า การที่ทรัมป์ลดการสนับสนุนยูเครนอาจเปิดโอกาสให้ปูตินทดสอบความเต็มใจของนาโตในการปกป้องพรมแดนด้านตะวันออกของพันธมิตร

ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่าสหรัฐสมควรได้รับ "การตอบแทน" จากยูเครนสำหรับการสนับสนุนต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย และแนะนำว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีจะ "ฉลาดมาก" หากยอมรับข้อเสนอด้านแร่ธาตุจากทีมทรัมป์ อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี้ได้ปฏิเสธร่างข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการเสนอการลงทุนและการคุ้มครองที่เพียงพอ

ในเดือนแรกของการบริหาร รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าพร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการป้องกันและเศรษฐกิจที่มีมาหลายทศวรรษอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเอเชียที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่นับหมื่นนาย ขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคกำลังพยายามรับมือกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน

 

 

สิงคโปร์ เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐในฐานะพันธมิตรด้านความมั่นคงและแหล่งการลงทุนที่สำคัญ กับจีนซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการสร้างเครือข่ายข้อตกลงด้านความมั่นคงเพื่อต่อต้านการแสดงอำนาจของจีนในภูมิภาค โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ และความกังวลเกี่ยวกับคำมั่นของจีนที่จะนำไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุม แม้ต้องใช้กำลังหากจำเป็น