'ดอลลาร์แข็งค่า' ฉุดเงินทุนไหลออกจาก 'หุ้นเอเชีย' กว่า 54,000 ล้านดอลลาร์

'ดอลลาร์แข็งค่า' ฉุดเงินทุนไหลออกจาก 'หุ้นเอเชีย' กว่า 54,000 ล้านดอลลาร์

นโยบายเก็บภาษีของ 'ทรัมป์' ดัน ’ดอลลาร์แข็งค่า’ กดค่าเงินเอเชีย ฉุดดัชนี MSCI Asia Pacific ได้ปรับตัวลดลง 4.4% พบเงินทุนไหลออกจากตลาดเอเชียกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเพิ่มมาตรการจัดเก็บภาษีศุลกากรของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในเอเชีย เมื่อค่าเงิน “ดอลลาร์แข็งค่า” ขึ้น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้ว  

ตลาดการเงินได้รับผลกระทบ  เมื่อสหรัฐประกาศการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินในสกุลเงินเอเชียอ่อนค่า รวมไปถึง "ตลาดหุ้น" ในภูมิภาคก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน 

ข้อมูลจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ในช่วง 90 วันระหว่างดัชนี MSCI Asia Pacific และ Bloomberg Dollar Spot Index อยู่ในระดับติดลบสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566

\'ดอลลาร์แข็งค่า\' ฉุดเงินทุนไหลออกจาก \'หุ้นเอเชีย\' กว่า 54,000 ล้านดอลลาร์

ก๊ก ฮุง ว่อง ว่อง นักวิเคราะห์จาก Maybank Securities ได้แสดงความเห็นว่าตลาดเกิดใหม่และตลาดบางส่วนของเอเชียจะยังคงผันผวน ตราบใดที่สงครามการค้ายังอยู่ โดยยกตัวอย่างกรณีของอินโดนีเซียที่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยสถานการณ์ค่าเงินที่อ่อนตัวลง ทำให้ไม่สามารถพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้

แห่โยกเงินจาก 'หุ้นเอเชีย'

สถานการณ์การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย ซึ่งไม่นับรวมจีนมีความน่ากังวล โดยในเดือนมกราคม กองทุนทั่วโลกได้ขายหุ้นในตลาดดังกล่าวเป็นมูลค่าถึง 12,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการขายหุ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 

นอกจากนี้บลูมเบิร์กรายงานว่า  ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการขายหุ้นรวมสูงถึง 54,000 ล้านดอลลาร์

ภายหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. ดัชนี MSCI Asia Pacific ได้ปรับตัวลดลง 4.4% ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์ของ Bloomberg พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ส่วนดัชนี MSCI Europe และ S&P 500 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% และ 4.5% ตามลำดับในช่วงเวลาเดียวกัน

คิมมี่ ทอง นักวิเคราะห์ตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนของ Everbright Securities International ได้อธิบายว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์มักส่งผลให้นักลงทุนถอนเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นในเอเชีย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าจีนมีความเสี่ยงเป็นพิเศษเนื่องจากมีหนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์จำนวนมาก

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จาก Maybank Securities มองว่าประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการที่บริษัทระดับโลกพยายามกระจายความเสี่ยงจากจีนด้วยการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน