วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมิน Downside ตลาดหุ้นไทยจำกัด มองเป็นโอกาสสะสม

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมิน Downside ตลาดหุ้นไทยจำกัด มองเป็นโอกาสสะสม

มองเป็นจุดเข้าสะสมตลาดหุ้นไทย วานนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งในกรอบ เราประเมิน Downside ของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัด

หนุนจาก 1) Valuation ที่อยู่ในจุดที่น่าเข้าสะสม จากระดับราคา ณ ปัจจุบัน ที่ซื้อ/ขายที่ Forward P/E ปี 25 เพียง 13x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต, 2) ใกล้เข้าสู่ช่วงการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีก และท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดจะรายงานรายได้ และกำไรสุทธิออกมาน่าประทับใจ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ใน 4Q24 ที่เห็นการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายสูงในช่วงเทศกาล และ 3) แรงประคองจากการประกาศซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียน หากพิจารณาข้อมูลหุ้นที่จดทะเบียนใน SET Index พบว่าปัจจุบันหุ้นราว 60% มีราคาที่ต่ำกว่า Book Value 

ผลการดำเนินงานอาจเป็นตัวช่วยผลักดัน: วานนี้มีการรายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ทั้งใน และต่างประเทศ สำหรับในประเทศบริษัทที่น่าสนใจ คือ PTTEP ที่รายงานกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 2% QoQ เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาด โดยหลักได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ด้านสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ APPLE (EPS $2.40 vs คาดการณ์ $2.35) และ META (EPS $0.13 vs คาดการณ์ $0.12) เราประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้     
 

อาหาร งบดี // ไฟฟ้า/ไฟแนนซ์ ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรลง: กลุ่มค้าปลีก - ผลดีจาก Easy e-receipt (16 ม.ค.-28 ก.พ.) และ 10,000 บาท เฟส 2 (27 ม.ค.) บวกต่อ CPALL, CPAXT, TNP, MEB, HMPRO, COM7, ADVICE, SYNEX, SIS, CRC, CPN  // กลุ่มอาหาร – คาดรายงานกำไรไตรมาส 4/67 ดีขึ้นต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดปรับเพิ่มประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นในช่วงต่อไป โดยเราชอบทั้ง CBG, OSP, CPF, BTG, TFG // กลุ่มไฟฟ้าและไฟแนนซ์ – คาดได้ผลบวกจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง บวกต่อ GULF, BGRIM, GPSC, EGCO, RATCH, MTC, TIDLOR, SAWAD

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัว ระหว่างรอดัชนีสร้างฐาน 1,335-1,365 จุด ยังชอบกลุ่มผลประกอบการดี ใน 4Q67-1Q68 มีความน่าสนใจ โดยเราชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, สื่อสาร, ค้าปลีก และอาหาร (เครื่องดื่มและเนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มกลับมาน่าสนใจ 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
•    BDMS* (25.00): คาดกำไรสุทธิใน 4Q67F เติบโตดี หนุนจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ และประเมินราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินผลกระทบจาก co-payment ตัดขาดทุน 22.80 บาท
•    BBGI (5.50) : ผลประกอบการฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในปี 2568 จากน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) ตัดขาดทุน 4.40 บาท
•    MALEE* (10.20): คาดกำไรจะผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q67F และมีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 68 จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และรุกตลาดต่างประเทศ ตัดขาดทุน 8.20 บาท  
•    BTG (21) : คาดกำไร 4Q67F เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรยังปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 17.50 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    สหรัฐเผย GDP +2.3% ใน Q4/67 ต่ำกว่าคาดการณ์
-    ECB มีมติหั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
-    รองผู้ว่าฯ แบงก์ชาติญี่ปุ่นชี้ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ หากเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด
-    เยอรมนีเผย GDP Q4/67 หดตัว 0.2% ย่ำแย่กว่าที่คาด
-    คลัง ประเมิน GDP ปี 68 ลุ้นโตได้ถึง 3.5% จากคาด 3% หากภาพรวมเอื้อ-นโยบายรัฐเดินหน้าตามเป้า
-    พาณิชย์ เอาจริงลด PM2.5 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประเดิมกลุ่มแรกต้องมีใบรับรองปลอดเผา
-    รมว.คลัง รับลูก "ทักษิณ" จ่อออกโทเคนอิงพันธบัตรรัฐบาลเฟสแรกราว 1 หมื่นลบ.ภายในปีนี้
-    Entertainment Complex ยังไม่เคาะที่ตั้ง นายกฯ ขอเวลาศึกษารูปแบบ
-    INTEL รายงานรายได้และ EPS ใน 4Q24 ดีกว่าที่ตลาดคาด/ APPLE รายงานรายได้และ EPS ใน FY1Q25 ดีกว่าที่ตลาดคาด 

 

 

-    บทวิเคราะห์วันนี้ : BDMS แนะนำ ซื้อ เป้า 33 บาท/ BJC แนะนำ ซื้อ เป้า 28 บาท  

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

31 ม.ค. – US PCE Price, TH Industrial Production, Retail Sales
 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมิน Downside ตลาดหุ้นไทยจำกัด มองเป็นโอกาสสะสม