ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง 600 จุด หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 3 ประเทศ

ตลาดหุ้นซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐร่วงลงแรงในคืนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเดือนซื้อขายใหม่ เนื่องจากนักลงทุนกำลังกำลังประเมินผลกระทบของภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐที่จัดเก็บกับสินค้าจากคู่ค้าสำคัญ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัท
ซีเอ็นบีซี รายงานวันนี้ (3 ก.พ.) ว่า ในคืนวันอาทิตย์ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ล่วงหน้า ร่วงลง 611 จุด หรือ 1.4% ด้านดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ส ร่วงลง 1.9% และ Nasdaq-100 ฟิวเจอร์ส ร่วงลง 2.4%
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และยังเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% ภาษีจะมีผลบังคับในวันอังคารสหรัฐทำการค้ากับทั้งสามประเทศนี้มูลค่าประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
แคนาดาตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เช่นกัน ขณะที่เม็กซิโกกล่าวว่าจะพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนกล่าวว่าจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก
โทบิน มาร์คัส หัวหน้าฝ่ายนโยบายและการเมืองสหรัฐของ Wolfe Research กล่าวในบันทึกว่า “ตลาดอาจต้องเริ่มมองแผนการเก็บภาษีที่เหลือของทรัมป์อย่างจริงจังมากขึ้นแทนที่จะมองว่าไม่สำคัญ ... หากระดับความจริงจังใหม่นี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน วันจันทร์อาจเป็นวันที่ยากลำบากสำหรับตลาด”
นักลงทุนยังมองไปข้างหน้าถึงสัปดาห์ที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะออกมามากสุด ซึ่งจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการกำหนดทิศทางของตลาดในขณะที่ตลาดมีความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นและหุ้นปัญญาประดิษฐ์ยังคงถูกประเมินอย่างเข้มข้น โดยมีบริษัทมากกว่า 120 แห่งในดัชนี S&P 500 เตรียมที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Alphabet, Amazon และ Palantir ตลอดจนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น Walt Disney และ Mondelez
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคมจะออกในวันศุกร์ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการจ้างงานในปีนี้มีสีสันมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดว่าในเดือนมกราคมจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.1%
ตลาดหุ้นฟื้นตัวจากความผันผวนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐ ปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ แต่ดัชนียังคงปิดตลาดเดือนแรกของปีด้วยการเพิ่มขึ้น S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.7% และ Nasdaq Composite ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมกราคม ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average มีผลงานดีที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยพุ่งขึ้น 4.7%