สังคมอเมริกันเหยียดเพศ - สีผิว อุปสรรค 'คามาลา แฮร์ริส'

แฮร์ริสอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคพวกที่เคยมีต่อไบเดน แต่เธอจะไปได้ไกลแค่ไหนยังมีปัจจัยสำคัญให้ต้องพิจารณา 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่น ทีมงานหาเสียง และพันธมิตรของแฮร์ริสโทรศัพท์เป็นร้อยๆ สายในนามของเธอ ขอให้คณะผู้เลือกตั้งที่จะเข้าประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในเดือนหน้า ร่วมกันเสนอชื่อแฮร์ริสเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

แหล่งข่าวหลายรายเผยว่า การโทรศัพท์เพื่อสกัดว่าที่คู่แข่งคนอื่นๆ ภายในพรรค เริ่มต้นขึ้นแทบจะทันทีที่ไบเดน วัย 81 ปี ประกาศถอนตัว ผู้โทรศัพท์หลายคนเผยว่าในเวลาเดียวกันนั้นประธานพรรคเดโมแครตประจำรัฐได้ตกลงสนับสนุนแฮร์ริส 

แหล่งข่าววงในรายหนึ่งกล่าวว่า ตัวแฮร์ริสเองได้คุยกับจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ว่าที่คู่ชิงรองประธานาธิบดี, ฮาคีม เจฟฟรีย์ส ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร และสตีเวน ฮอร์สฟอร์ด ประธาน สส.กลุ่มแบล็คคอคัส

รอยเตอร์ ระบุ การได้แฮร์ริสวัย 59 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิงผิวดำชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมาแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี จะสร้างพลวัตใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงทั้งในแง่ของรุ่น และวัฒนธรรม ซึ่งสหรัฐไม่เคยเลือกผู้หญิงเป็นประธานาธิบดีเลยในประวัติศาสตร์ 248 ปี

“แฮร์ริสเอาชนะได้ง่ายกว่าโจ ไบเดน” ทรัมป์สรุปกับซีเอ็นเอ็นหลังไบเดนประกาศถอนตัวได้ไม่นาน

ไบเดนรับรองให้แฮร์ริสลงเลือกตั้งประธานาธิบดีแทนที่เขา ส่วนตัวไบเดนประธานาธิบดีอาวุโสที่สุดของประเทศ จะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค.2568

แม้แฮร์ริสได้เสียงสนับสนุนอย่างรวดเร็ว แต่การประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค.67 ก็สำคัญ ขาใหญ่ของพรรคอย่างแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ยังไม่รับรองเธอ แม้ทั้งคู่จะยกย่องไบเดนก็ตาม

ว่าที่ผู้ท้าชิงอีกสองคนคือ เกร็ตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน และแอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี ก็ไม่ได้กล่าวถึงแฮร์ริสในแถลงการณ์

ขณะนี้พรรคเดโมแครตกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เจม แฮร์ริสัน ประธานคณะกรรมการบริหารพรรคกล่าวว่า พรรคจะประกาศกระบวนการเสนอชื่อตัวแทนพรรคขั้นต่อไปโดยเร็ว

แฮร์ริส อดีตอัยการสูงสุด และ สว. รัฐแคลิฟอร์เนีย เคยสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2563 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไบเดนจึงเลือกเธอมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี และเอาชนะทรัมป์ได้

แฮร์ริสสนับสนุนสิทธิการทำแท้ง ประเด็นที่สอดคล้องกับโหวตเตอร์หนุ่มสาว และฝ่ายหัวก้าวหน้า คาดกันว่าเธอจะยึดมั่นกับนโยบายต่างประเทศของไบเดนเป็นส่วนใหญ่ในประเด็นจีน อิหร่าน และยูเครน แต่จะมีท่าทีแข็งกร้าวกับอิสราเอลกรณีสงครามกาซามากกว่าถ้าเธอได้เป็นตัวแทนพรรค และชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

ผู้สนับสนุนให้เหตุผลว่า แฮร์ริสจะปลุกพลังโหวตเตอร์ หลอมรวมเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันผิวดำ และใช้ทักษะดีเบตอันแหลมคมเล่นงานอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนก็กังวลหากแฮร์ริสได้เป็นตัวแทนพรรค ส่วนหนึ่งเพราะสหรัฐมีประวัติเหยียดผิว และเพศมายาวนาน แม้แต่ฮิลลารี คลินตัน ผู้เคี่ยวกรำในสนามการเมืองมานานก็ไม่อาจฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์