ไบเดนยื่นคำขาดเนทันยาฮู ไม่เช่นนั้นเจอไม้แข็ง? l Leaders' Move

ไบเดนยื่นคำขาดเนทันยาฮู ไม่เช่นนั้นเจอไม้แข็ง? l Leaders' Move

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ยื่นคำขาดต่อนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เมื่อวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) ว่าต้องปกป้องพลเรือนและเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติในกาซา ไม่เช่นนั้นแล้วรัฐบาลวอชิงตันจะควบคุมการให้ความช่วยเหลืออิสราเอลทำสงครามกับฮามาส

KEY

POINTS

แม้ไบเดนหลีกเลี่ยงการตัดความช่วยเหลือของสหรัฐต่ออิสราเอล แต่สุดท้ายแล้วเขาอาจทนไม่ได้

“มันจะถึงจุดที่รัฐบาลไบเดนรู้สึกว่า ต้นทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในการสนับสนุนอิสราเอลโจมตีในกาซาเกินผลประโยชน์ที่อิสราเอลทำได้ในภาคพื้นดิน” ไมค์ ซิงห์ อดีตเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติดว่าด้วยตะวันออกกลางกล่าวและว่า ถ้าอิสราเอลทำไม่ได้ตามเงื่อนไขของไบเดน สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือการที่สหรัฐเจรจาข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เหมือนอย่างที่เคยทำเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ในปี 2006

“การกำหนดเงื่อนไขเรื่องการถ่ายโอนอาวุธมีปัญหาทางการเมืองมากกว่า จะเจอแรงค้านหนักหน่วงในสภา และอาจทำให้อิสราเอลเสี่ยงถูกฮิซบอลเลาะห์หรือถูกตัวแทนอิหร่านอื่นๆ โจมตี”

โจนาทาน พานิคอฟ อดีตผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองแห่งชาติว่าด้วยตะวันออกกลางกล่าวว่า ไบเดนไม่น่าใช้มาตรการรุนแรงพลิกผันสัมพันธ์สหรัฐ-อิสราเอล เช่น ยื้อไม่ส่งอาวุธสำคัญให้ หรือทิ้งอิสราเอลในสหประชาชาติ แต่เขาอาจวางเงื่อนไขกับอาวุธขนาดเล็ก และออกมาตรการเพิ่มเติมเล่นงานผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวสุดโต่งที่โจมตีชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์

“ความไม่พอใจของไบเดนถึงวิธีการทำสงครามและกับตัวนายกฯ เนทันยาฮูเองได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว” ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน หลายเดือนมาแล้วที่สหรัฐเรียกร้องให้อิสราเอลเปลี่ยนยุทธวิธีทางทหารที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วหลายหมื่นคน ล่าสุดเกิดเหตุการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่องค์กร World Central Kitchen (WCK) เจ็ดคน เรียกเสียงประณามจากทั่วโลก อิสราเอลยอมรับว่าโจมตีผิดพลาด

ทำเนียบขาวไม่ได้บอกชัดว่าต้องการให้เนทันยาฮูทำอะไรกันแน่ หรือสหรัฐจะทำอะไรถ้าเนทันยาฮูไม่ทำอย่างที่ทำเนียบขาวต้องการ แต่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นไปได้ที่สหรัฐจะชะลอการส่งอาวุธไปให้อิสราเอล หรือลดการสนับสนุนของสหรัฐในสหประชาชาติ

สตีเวน คุก จากกลุ่มคลังสมอง “สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” กล่าวว่า นี่ใกล้ถึงจุดเปลี่ยน

เดนนิส รอสส์ นักการทูตสหรัฐมากฝีมือ ตอนนี้ประจำอยู่สถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ ระบุ “แท้จริงแล้ว ประธานาธิบดีกำลังบอกว่าให้ทำตามความจำเป็นด้านมนุษยธรรมเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตั้งเงื่อนไขความช่วยเหลือ (ทางทหาร)”

ไบเดน ซึ่งต้องลงเลือกตั้งใหม่ในเดือน พ.ย. พยายามสร้างสมดุลแรงกดดันจากเพื่อนสมาชิกพรรคเดโมแครต ให้ควบคุมเนทันยาฮูมากขึ้น กับความเสี่ยงที่อาจทำให้โหวตเตอร์อิสระผู้สนับสนุนอิสราเอลไม่พอใจ ถึงขณะนี้ไบเดนยังไม่ได้กำหนดเงื่อนไขส่งอาวุธให้อิสราเอล

ทำเนียบขาวกล่าวถึงการคุยโทรศัพท์ระหว่างไบเดนกับเนทันยาฮูว่า ไบเดนเรียกร้องให้อิสราเอล “ประกาศและปฏิบัติตามขั้นตอนอันเป็นรูปธรรม ชี้เฉพาะ และวัดผลได้เพื่อป้องกันอันตรายต่อพลเรือน ป้องกันความเสียหายด้านมนุษยธรรม และรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ”

“เขาบอกชัดว่า นโยบายสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกาซาจะถูกกำหนดโดยการประเมินของเรา ถึงการกระทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างทันท่วงทีของอิสราเอล”

ด้านแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พูดตรงกว่านั้น

“ฟังนะ ผมแค่อยากบอกว่า ถ้าเราไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เราอยากเห็น เราก็เปลี่ยนนโยบาย”

เย็นวันพฤหัสบดี ไม่กี่ชั่วโมงหลังคุยโทรศัพท์ รัฐบาลอิสราเอลประกาศหลายมาตรการเพิ่มความช่วยเหลือเข้ากาซา เช่น เปิดท่าเรือแอชดอดและจุดผ่านแดนเอเรซเข้าสู่ตอนเหนือของกาซา และเพิ่มการส่งความช่วยเหลือจากจอร์แดน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า มาตรการเหล่านี้จะสร้างความพอใจให้กับสหรัฐหรือไม่

  • จุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยนสำหรับไบเดน ผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างชัดเจนมาโดยตลอด เกิดขึ้นจากการโจมตี WCK เมื่อวันจันทร์ หลังจากรัฐบาลไบเดนพยายามเพิ่มแรงกดดันอิสราเอลให้พิจารณาทางเลือกแทนการสู้รบทางบกในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซา แหล่งพักพิงของพลเรือนแหล่งสุดท้าย

แหล่งข่าววงในรายหนึ่งกล่าวว่า ช่วงเวลา 30 นาทีของการคุยโทรศัพท์เป็นไปอย่างเข้มข้น ไบเดนบอกถึงความกังวลขณะที่เนทันยาฮูปกป้องแนวทางของตนในกาซา

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งเล่าว่า การพูดคุย “ตรงมาก” โดยรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส, ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เจค ซัลลิแวน และบลิงเคนร่วมสนทนาด้วย

สำหรับสิ่งที่สหรัฐคาดหวัง เจ้าหน้าที่รายเดิมระบุ

“เราอยากได้แผนที่ครอบคลุมว่าพวกเขาทำงานได้ดีขึ้น พวกเขาฆ่าเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและพลเรือนไม่ได้”