ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น หลังทรัมป์ไม่ตัดทำสงครามกับเวเนซุเอลา

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะทำสงครามกับเวเนซุเอลา
ซีเอ็นบีซี รายงานว่าราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ (19 ธ.ค.68) ตามเวลาสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซี ว่าเขาจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะทำสงครามกับเวเนซุเอลา สมาชิกกลุ่มโอเปก
“ผมไม่ตัดความเป็นไปได้นั้นออกไป” ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เขาปฏิเสธที่จะบอกว่าการโค่นล้มประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เป็นเป้าหมายของเขาหรือไม่
“เขารู้ดีว่าผมต้องการอะไร” ทรัมป์กล่าวกับเอ็นบีซี “เขารู้ดีกว่าใครๆ”
ในขณะนี้ ตลาดน้ำมันไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงสูงของการหยุดชะงักของอุปทาน ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 56.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบรนท์ ซึ่งเป็นดัชนีมาตรฐานโลก เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 60.47 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบมาตรฐานของสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพยูเครน ซึ่งจะนำน้ำมันดิบจากรัสเซียเข้ามาในตลาดที่มีอุปทานเพียงพออยู่แล้ว
ทรัมป์ได้เพิ่มแรงกดดันต่อมาดูโร โดยสั่งปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรนอกชายฝั่งประเทศในอเมริกาใต้ หลังจากยึดเรือลำหนึ่งได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สหรัฐฯ ได้เสริมกำลังทางทหารครั้งใหญ่ในทะเลแคริบเบียน และโจมตีเรือที่อ้างว่าลักลอบขนยาเสพติดไปยังสหรัฐฯ อย่างรุนแรง ความชอบด้วยกฎหมายของการโจมตีเหล่านั้นเป็นที่ถกเถียงและอยู่ภายใต้การตรวจสอบของรัฐสภา
เวเนซุเอลาเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปกและมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลก ในปีนี้เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันประมาณ 749,000 บาร์เรลต่อวัน โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งส่งออกไปยังจีน ตามข้อมูลจาก Kpler เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันประมาณ 132,000 บาร์เรลต่อวันไปยังสหรัฐฯ ตามข้อมูลของ Kpler







