'แอร์เอเชีย' เตรียมเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ หลังบริษัทแม่บรรลุดีลควบกิจการ SPAC

'แอร์เอเชีย' เตรียมเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ หลังบริษัทแม่บรรลุดีลควบกิจการ SPAC

บริษัทแม่ของ 'แอร์เอเชีย' เสร็จสิ้นการควบกิจการบริษัท SPAC ปูทางสู่การเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น Nasdaq เฟอร์นันเดซเผยเลือกสหรัฐเพราะเข้าใจเรื่องแบรนด์ได้ดีกว่าตลาดอาเซียน

โทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท แคปิตัล เอ ของมาเลเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งสายการบิน "แอร์เอเชีย" เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค (Nasdaq) ของสหรัฐผ่านทางการเข้าควบรวมกิจการกับบริษัท เอเธอเรียม แอควิซิชัน คอร์ป (Aetherium Acquisition Corp)

แคปิตัล เอ ได้เสร็จสิ้นการควบรวมกิจการกับบริษัทดังกล่าวในวันนี้ (28 ก.พ. 2567) และหากผ่านการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมกฎระเบียบ บริษัท แคปิตัล เอ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการดังกล่าว จะมีมูลค่าตลาดราว 1.15 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ เอเธอเรียมเป็นบริษัทประเภท SPAC หรือบริษัทเฉพาะกิจที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว และตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์สำหรับการควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นเพื่อเป็นทางลัดให้บริษัทดังกล่าวกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด ดังนั้นการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัท แคปิตัล เอ อินเตอร์เนชั่นแนล กลายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค

"ทำไมต้องผ่านทางบริษัท SPAC นะหรือ ผมมองว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะเข้าจดทะเบียนในอเมริกา ที่ผ่านมา SPAC อาจมีชื่อเสียงไม่ดี เพราะบริษัทหลายแห่งก็ไม่ดีจริง แต่ผมจะเข้าไปด้วยความจริงใจ และทำตามแผนธุรกิจ โดยเราสามารถทำกำไรได้จริง และมีกระแสเงินสดจริง"

"เราเลือกอเมริกาเพราะชาวอเมริกันเข้าใจเรื่องแบรนด์ได้ดีกว่าตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เฟอร์นานเดสกล่าวต่อสำนักข่าวซีเอ็นบีซี

ก่อนหน้านี้ เฟอร์นานเดสได้ซื้อสายการบินแอร์เอเชียจากรัฐบาลมาเลเซียในปี 2544 ด้วยเงินเพียง 1 ริงกิต แต่ก็มาพร้อมกับหนี้ก้อนโตจำนวน 40 ล้านริงกิต ทว่าก็สามารถขยายธุรกิจแอร์เอเชียจนมีเครื่องบินมากกว่า 240 ลำในปัจจุบัน