ยอดผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตพุ่งกว่า 50% หรือ'วิกฤติหนี้โลก'กำลังจะมา?

ยอดผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตพุ่งกว่า 50% หรือ'วิกฤติหนี้โลก'กำลังจะมา?

หรือ'วิกฤติหนี้โลก'กำลังจะมา? หลังธนาคารกลางสหรัฐเผย ตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในปี 2566 เนื่องจากยอดหนี้ในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งสัญญาณ"ความเครียดทางการเงิน" โดยเฉพาะในกลุ่มคน"อายุน้อยและมีรายได้น้อย"

Keypoint:

  • ยอดหนี้รวมชาวอเมริกัน แตะ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2566
  • มีการผิดนัดชำระหนี้อย่าง "ร้ายแรง" หรือเกินกำหนด 90 วัน มากถึง 6.4% 
  • ผลกระทบหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สู่ระดับสูงสุดในรอบ 23 ปี ยาวนานตั้งแต่ ม.ค. 2565

ธนาคารกลางสหรัฐ สาขานิวยอร์ก เปิดเผยข้อมูล"หนี้บัตรเครดิต"ล่าสุด ณ สิ้นปี 2566 ถึงตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในปี 2566 เนื่องจากยอดหนี้ในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมี “การกระทำผิดร้ายแรง” หรือเกินกำหนดชำระ 90 วันขึ้นไป เพิ่มขึ้นในหลายประเภทรวมถึงหนี้บัตรเครดิตด้วย

ด้วยยอดหนี้รวมทั้งหมด 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 4 แบ่งเป็นหนี้บัตรเครดิตที่มีการผิดนัดชำระหนี้อย่าง "ร้ายแรง" มากถึง 6.4%  ซึ่งเพิ่มขึ้น 59% จากเพียง 4% ณ สิ้นปี 2565 ตามรายงานของ New York Fed 

การผิดนัดชำระหนี้ในประเภทการจำนอง สินเชื่อรถยนต์ และหมวดอื่นๆ ยังคงเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกัน การผิดนัดชำระหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา และวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกลับน้อยลง

วิลเบิร์ต ฟาน เดอร์ เคลาอูว์ ที่ปรึกษาการวิจัยทางเศรษฐกิจของเฟดนิวยอร์ก กล่าวว่า มีการผิดนัดชำระหนี้ในสินเชื่อประเภทบัตรเครดิต และสินเชื่อรถยนต์สูงขึ้นก่อนการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งสิ่งนี้ส่งสัญญาณถึง ความเครียดทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนที่ "อายุน้อยและมีรายได้น้อย"

ทำให้เป็นคำถามต่อไปว่า หรือวิกฤติหนี้โลกกำลังจะมา?

ในขณะที่ระดับการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น นักวิจัยของเฟดในนิวยอร์ก กล่าวว่า หนี้ทั้งหมดกำลังขยับสูงขึ้นก่อนที่การระบาดใหญ่ของ Covid-19 เสียอีก ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. 2563

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 1.2% ในทุกๆไตรมาส และประมาณ 3.6% จากปีก่อนหน้า ขณะที่หนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.5% จากในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ส่วนหนี้รถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น  5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.5% จากปี 2565

ผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ผู้กู้ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐมีนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่เดือนม.ค.2565 ถึง ก.ค.2566 ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบประมาณ 23 ปี ซึ่งส่งผลต่อระดับอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อต่างๆ

นับตั้งแต่ธนาคารกลางเริ่มเข้มงวดขึ้น อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตก็กระโดดจาก 14.5% เป็น 21.5% ตามข้อมูลของ Fed  ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำ 

โจเซฟ ลาวอร์กนา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ SMBC Nikko Securities กล่าวว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเศรษฐกิจชะลอตัว และการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การผิดนัดชำระหนี้อาจเพิ่มสูงขึ้น และนำไปสู่วิกฤติสินเชื่อที่ทวีคูณมากขึ้น 

นักวิจัยของเฟดกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นย่อมส่งผลต่ออัตราการผิดนัดชำระหนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่ "หนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา" ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจเพราะมีการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงที่มีโรคระบาด โดยปัจจุบันมีมูลค่ารวมมากกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% จากปีที่แล้ว ซึ่งเล็กน้อยมากๆ 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ปลดหนี้สินเชื่อเพื่อการศึกษากว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทำให้ยอดหนี้ก้อนนี้ลดลงเหลือ 0.8% 

 

อ้างอิง cnbc 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์