75 ปี ไทย-ลาว 'ลำน้ำโขงเชื่อมใจ สร้างสายใยสานสัมพันธ์' | World Wide View

75 ปี ไทย-ลาว 'ลำน้ำโขงเชื่อมใจ สร้างสายใยสานสัมพันธ์' | World Wide View

ชปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทูตภาคประชาชนไทย-ลาว ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นคือความใกล้เคียงกันทางภาษาและพลังแห่งศรัทธา ที่หล่อหลอมความผูกพันไทย–ลาวให้แน่นแฟ้นมายาวนาน

ไทยและ สปป. ลาว ต่างมีวิสัยทัศน์ด้านความเชื่อมโยงที่สอดคล้องกัน และมีสะพานมิตรภาพหลายแห่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเชื่อมโอกาสและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค. 2568) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ร่วมกับนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศแห่ง สปป. ลาว นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ความเชื่อมโยงไทย-ลาว ที่จะได้รับการจารึกไว้อีกแสนนาน

ก่อนมีสะพานมิตรภาพ การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนสองประเทศไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ แม่น้ำดูกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเชื่อมสัมพันธ์ของผู้คน ดังเนื้อเพลง “ลำโขงลำรัก” ที่ประพันธ์โดยครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูธาตรี นักแต่งเพลงคนสำคัญของวงสุนทราภรณ์ ว่า “ฝั่งแม่โขงนี้ดูกว้างไกล แต่ในหัวใจเหมือนใกล้เพียงวา อยู่ฝั่งใดเห็นไกลแค่ตา หัวใจลอยมาคอยท่าหากัน” เพลงนี้ได้นำแคน เครื่องดนตรีที่ชาวลาวยกให้เป็นมรดกของชาติมาบรรเลงผสานกับเครื่องดนตรีสากล เพื่อเป็นที่ระลึกการเยือนลาว ของจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2509

6 ทศวรรษคล้อยหลัง สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งต่างๆ ได้เชื่อมโยงสองฝั่งโขงที่เคยใกล้เพียงวา ให้ชิดเพียงแค่คืบ ซึ่งก่อประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยเชื่อมโยงผู้คนให้ไปมาหาสู่ พบปะ และสร้างความคุ้นเคยกันได้สะดวก อันเป็นหัวใจของ “การทูตภาคประชาชน”

ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือน สปป. ลาว ประมาณ 1.2 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 30 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ส่วนคนลาวเดินทางมาไทยประมาณ 1 ล้านคน แสดงถึงการติดต่อสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีพลวัตครอบคลุมหลายมิติ

การทูตภาคประชาชน หรือ People-to-People Diplomacy คือกลไกการทูตที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ของ “ผู้คน” ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านการศึกษาและศิลปวัฒนธรรม หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่เพิ่งสิ้นสุดไป โดยกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญกับการทูตภาคประชาชนอย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะสร้างความเข้าใจในระดับประชาชน และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ซึ่งอาจนำไปต่อยอดทางเศรษฐกิจหรือใช้เป็น soft power ที่ทำให้การยอมรับนับถือประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศแข็งแกร่งขึ้น

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทูตภาคประชาชนไทย-ลาว ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นคือความใกล้เคียงกันทางภาษาที่เอื้อให้ประชาชนสื่อสารกันได้ โดยไม่ต้องใช้ล่ามหรือภาษาที่สาม นอกจากนี้ พลังแห่งศรัทธายังเป็นอีกหนึ่งสายใยที่หล่อหลอมความผูกพันไทย–ลาวให้แน่นแฟ้นมายาวนาน จนกล่าวได้ว่า เราต่างก็สวดมนต์บทเดียวกัน พระธาตุพนม อ. ธาตุพนม จ. นครพนม เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธทั้งสองฝั่งโขงมานับศตวรรษ ในขณะที่คนไทยจำนวนมากก็ข้ามฝั่งไปสักการะพระธาตุหลวงที่เวียงจันทน์และพระธาตุอิงฮังที่สะหวันนะเขต ซึ่งพิสูจน์ว่า แม่น้ำโขงไม่เคยเป็นเส้นแบ่งความเชื่อ หากแต่เป็นลำน้ำที่เชื่อมสายใยแห่งศรัทธาของพุทธศาสนิกชนไทยและลาวให้แนบแน่น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลประจำปี รวมถึงเทศกาลไหลเรือไฟ–บั้งไฟพญานาคที่นครพนมและงานบุญธาตุหลวงที่เวียงจันทน์ในช่วงออกพรรษา ตลอดจนความเชื่อเรื่องพญานาค

ด้วยสายใยไทย–ลาวที่มีพระพุทธศาสนาเป็นรากฐาน ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดต่างๆ ใน สปป. ลาว อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้จัดขึ้น เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ณ วัดสุนันทาราม แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งนอกเหนือจากพิธีทางศาสนาแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมการทูตภาคประชาชนต่างๆ อาทิ งานแสดงสินค้าไทย–ลาว คอนเสิร์ตเพลงไทย–ลาวร่วมสมัย การฝึกอบรมฟุตบอลให้แก่เยาวชนลาว รวมถึงการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งล้วนสะท้อนความใกล้ชิดและไมตรีจิตที่จริงใจ

ในสัปดาห์หน้า เนื่องในวาระปีใหม่ ปีม้า พ.ศ. 2569 ขอเชิญท่านติดตามว่า ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-ลาว ในปีที่ 76 จะก้าวต่อไปในทิศทางใด และจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ทั้งสองประเทศอย่างไรได้บ้าง