ค่ายรถยนต์จีน 'เชอรี่' บุกเวียดนาม เตรียมเปิดโรงงานใหญ่สุดในอาเซียนปีหน้า

ค่ายรถยนต์จีน 'เชอรี่' บุกเวียดนาม  เตรียมเปิดโรงงานใหญ่สุดในอาเซียนปีหน้า

บริษัทรถยนต์รายใหญ่จีน Chery เตรียมเปิดโรงงานใหญ่สุดในอาเซียนที่ 'เวียดนาม' กลางปี 2026 ตั้งเป้าขึ้นท็อป 3 ตลาดเวียดนามภายในปี 2030 แข่ง 'วินฟาสต์-โตโยต้า'

สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า บริษัท "เชอรี ออโตโมบิล" (Chery) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากจีน เตรียมเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ "เวียดนาม" ในปีหน้า ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมสูงสุดราว 800 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.5 หมื่นล้านดอลลารฺ) และมีกำลังการผลิตสูงสุด 200,000 คันต่อปี

ทีมผู้บริหารของ Chery เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับ 3 ของเวียดนามภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยจะนำรถยนต์รุ่นขายดีในตลาดในยุโรปเข้ามาจำหน่ายในเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน

แบรนด์ในต่างประเทศของ Chery อย่าง "โอโมด้า แอนด์ เจคู่" (Omoda & Jaecoo) เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 16 รุ่นในเวียดนามปีหน้า ครอบคลุมตั้งแต่รถเครื่องยนต์สันดาป รถไฮบริด ไปจนถึงรถอีวี โดยตั้งเป้ายอดขายขั้นต่ำ 10,000 คัน ก่อนจะเพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่องเมื่อโรงงานท้องถิ่นในจังหวัดฮึงเอียน ทางตอนเหนือของเวียดนาม เริ่มเดินสายการผลิตในช่วงกลางปี 2026 โดยพื้นที่ดังกล่าวกำลังกลายเป็นจุดหมายใหม่ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

“การลงทุนและกำลังการผลิตในเวียดนามถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเราในอาเซียน เรากำลังสร้างโรงงานใหม่หมดที่นี่” ไซมอน หลิว กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเชอรีในเวียดนามสำหรับแบรนด์ Omoda และ Jaecoo กล่าว โดยการเลือกนำแบรนด์นี้เข้าสู่ตลาดเวียดนาม เป็นเพราะบริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพ การออกแบบ และเทคโนโลยีของแบรนด์นี้ ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรป

ปัจจุบัน รถยนต์ของ Chery ที่จำหน่ายในเวียดนามเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งหมด โดยบริษัทมีโรงงานอยู่แล้วในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้การขับขี่พวงมาลัยขวา 

สำหรับรถที่ผลิตในเวียดนามตั้งแต่ปีหน้าจะจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้พวงมาลัยซ้าย รวมถึงอาจส่งออกไปยุโรปในอนาคต

“ผมอยากขายรถทั้งหมดในประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามด้วย” หลิวกล่าว

โรงงานจะเริ่มต้นด้วยกำลังการผลิต 30,000–60,000 คันต่อปีในช่วงแรก และสามารถขยายเป็น 200,000 คันต่อปีภายในปี 2030 หากดีมานด์เอื้ออำนวย

ค่ายรถยนต์จีน 'เชอรี่' บุกเวียดนาม  เตรียมเปิดโรงงานใหญ่สุดในอาเซียนปีหน้า

ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เวียดนามร้อนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากแรงผลักดันด้านอีวีของผู้ผลิตในประเทศอย่าง "วินฟาสต์" (VinFast) และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วท่ามกลางประชากรราว 100 ล้านคน ทำให้เชอรีส่งแบรนด์ Omoda & Jaecoo เข้าสู่ตลาดเวียดนามตั้งแต่ปี 2024 ขณะที่แบรนด์จีนอื่นๆ อย่าง BYD และ Geely ก็ทำตลาดที่นี่ด้วยเช่นกัน

Geely มีแผนสร้างโรงงานในเวียดนาม แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายชะลอการลงทุนโรงงานทั่วโลก ขณะที่ BYD ก็มีรายงานว่าระงับแผนตั้งโรงงานในเวียดนามเช่นกัน

หลิวระบุว่า จุดแข็งของ Omoda & Jaecoo คือระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 1,500 กิโลเมตร มาตรฐานความปลอดภัย และการรับประกันระยะทาง 1 ล้านกิโลเมตร พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคเวียดนาม

“ผมรู้ดีว่าแบรนด์จีนยังไม่ได้รับความไว้วางใจมากนักจากผู้บริโภคหรือสื่อ ดังนั้นเราจำเป็นต้องรักษาคำพูดและทำตามที่สัญญาไว้” หลิวกล่าว

ปัจจุบัน Omoda & Jaecoo มีรถจำหน่ายในเวียดนาม 2 รุ่น ราคาอยู่ระหว่าง 729 - 879 ล้านดอง ขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota มีช่วงราคากว้างกว่ามาก ตั้งแต่ 405 - 4,600 ล้านดอง ส่วนรถยนต์นั่งของ VinFast อยู่ในช่วง 302 - 1,700 ล้านดอง

Chery วางเป้าหมายขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์จีนอันดับ 1 ในปีหน้า และเป็นแบรนด์ขายดีอันดับ 3 ของตลาดโดยรวมภายในปี 2030 ขณะที่ปัจจุบัน VinFast เป็นผู้นำตลาด ขณะที่ Toyota อยู่อันดับ 2

ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2025 VinFast จำหน่ายรถอีวีในเวียดนามเกือบ 150,000 คัน ส่วน Toyota ขายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในและไฮบริดราว 65,000 คัน ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับเป้ายอดขาย 10,000 คันของ Omoda & Jaecoo แต่เชอรีระบุว่านี่เป็นเพียงการวางฐานสำหรับการเติบโตระยะยาว 

บริษัทจะขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้เพิ่มเกือบเท่าตัวเป็น 75 แห่งในปี 2026 จาก 40 แห่งในปีนี้ และจะพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จทั่วประเทศ โดยอาศัยระบบนิเวศของพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง Geleximco ซึ่งมีเครือข่ายในสาขาธนาคาร โครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม และสนามกอล์ฟ นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างความร่วมมือกับผู้ให้บริการสถานีชาร์จรายอื่น และผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ เพื่อใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

ปัจจุบัน VinFast มีเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุมที่สุดในเวียดนาม แต่เป็นระบบที่ใช้เฉพาะแบรนด์ของตนเอง ขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่า BYD และ Geely เปิดให้แบรนด์อื่นใช้งานหรือไม่

ทั้งนี้ แม้การลงทุนจากจีนในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลเวียดนามเริ่มคัดเลือกโครงการลงทุนอย่างเข้มงวดขึ้น โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่สร้างการจ้างงานในประเทศ และช่วยพัฒนาห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่น