จีนลงทุนในเวียดนาม 8,200 ล้านดอลล์ โต 2 เท่า สวนทางสหรัฐลงทุนแค่ 500 ล้านดอลล์

จีนลงทุนในเวียดนาม 8,200 ล้านดอลล์ โต 2 เท่า สวนทางสหรัฐลงทุนแค่ 500 ล้านดอลล์

การลงทุนจากจีน และฮ่องกงเติบโต 2 เท่าในเวียดนาม สู่ระดับ 8,200 ล้านดอลลาร์ สวนทางสหรัฐที่ลดการลงทุนในเวียดนามเหลือเพียง 500 ล้านดอลลาร์ และปัจจัยที่ทำให้จีนแห่ไปลงทุนในเวียดนาม เพราะบริษัทจีนอยากกระจายความเสี่ยง หลังเจอมาตรการคว่ำบาตรหลายรายการจากสหรัฐ

Key Point:

  • การจดทะเบียนลงทุนจากจีน และฮ่องกง มีมูลค่ารวมกันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8,200 ล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้
  • ยังไม่ชัดเจนว่าการยกระดับความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายใดมีอิทธิพลมากกว่า แต่ในแง่เศรษฐกิจ จีนดูเหมือนมีความได้เปรียบมาตลอด
  • ความสนใจของนักลงทุนสหรัฐเพิ่มขึ้น แต่การตัดสินใจลงทุนยังต้องใช้เวลา

 

สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างอิงข้อมูลทางการ ระบุว่า การลงทุนของจีนในเวียดนามบูมมากในปีนี้ สวนทางกับการลงทุน และการค้ากับสหรัฐ

ตามข้อมูลของสำนักสถิติเวียดนาม ระบุว่า การจดทะเบียนลงทุนจากจีน และฮ่องกง มีมูลค่ารวมกันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8,200 ล้านดอลลาร์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มากกว่าช่วงเดียวกันในปีที่แล้วถึง 2 เท่า ทำให้จีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

ขณะที่การจดทะเบียนลงทุนของสหรัฐกลับลดลงสู่ระดับ 500 ล้านดอลลาร์ ในปีนี้ จากเดิม 700 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 ร่วงลงไปเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 10 รองจาก Pacific offshore centre Samoa และเนเธอร์แลนด์

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น การส่งออกของเวียดนามไปยังจีนเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์ แต่การนำเข้าลดลง เนื่องจากส่วนใหญ่เวียดนามซื้อชิ้นส่วนประกอบจากปักกิ่ง เพื่อนำไปประกอบ และส่งออกไปยังประเทศตะวันตก

 

 

  • สหรัฐ-จีน รุกยกระดับสัมพันธ์เวียดนาม

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บรรลุการยกระดับทางการทูตกับเวียดนาม ในการเยือนกรุงฮานอย หลังมีความพยายามทางการทูตอย่างแข็งขัน เพื่อยกระดับให้บทบาทสหรัฐในเวียดนามให้ทัดเทียมกับจีน

ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมเยือนเวียดนามในสัปดาห์หน้า ด้วยจุดมุ่งหมายกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยสีอาจเห็นด้วยที่จะประกาศว่า ทั้งสองประเทศมีโชคชะตาร่วมกัน หรือที่รัฐบาลปักกิ่งเรียกว่า การยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

ยังไม่ชัดเจนว่าการยกระดับความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายใดมีอิทธิพลมากกว่า แต่ในแง่เศรษฐกิจ จีนดูเหมือนมีความได้เปรียบมาตลอด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการค้าสหรัฐ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลวอชิงตัน รัฐบาลปักกิ่ง และมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่อจีนมากมาย ผลักดันให้จีนหันไปลงทุนในเวียดนาม

  • จีนกระจายความเสี่ยง

“ไคล์ ฟรีแมน” หุ้นส่วนที่ปรึกษาธุรกิจ Dezan Shira บอกว่า การลงทุนของจีนโดยไม่รวมกับฮ่องกง ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เกือบ 2 เท่า สู่ระดับ 3,900 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์ลดความเสี่ยงของหลายบริษัท ท่ามกลางความขัดแย้งการทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

 

 

“ชาด โอเวล” หุ้นส่วนจาก Mekong Capital บริษัท ไพรเวอิควิตี เผยว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวก็เป็นอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเช่นกัน

แม้การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจจีน - เวียดนามแข็งแกร่ง แต่ความสัมพันธ์กับจีนยังคงซับซ้อน เนื่องจากมีข้อพิพาทพรมแดนทะเลจีนใต้ และความรู้สึกต่อต้านจีนก็เป็นเรื่องปกติของคนเวียดนาม จนนำไปสู่การประท้วงหลายครั้ง รวมถึงการประท้วงต่อต้านการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษในปี 2561 ที่อาจเอื้อผลประโยชน์ให้บริษัทจีน

ส่วนการลงทุนของสหรัฐ “แซคารี อาบูซา” ผู้เชี่ยวชาญนโยบายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากวิทยาลัยการสงครามแห่งชาติ ในกรุงวอชิงตันดีซี บอกว่า แม้มีการประโคมข่าวเกี่ยวกับการเยือนของไบเดน แต่ความสัมพันธ์ก็ยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมมากนัก เพราะธุรกิจต่างชาติยังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญเมื่อลงทุนในเวียดนาม

ที่ปรึกษาธุรกิจในเวียดนามหลายแห่ง ส่งสัญญาณว่า ความสนใจของนักลงทุนสหรัฐเพิ่มขึ้น แต่การตัดสินใจลงทุนยังต้องใช้เวลา

อ้างอิง: Reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์