สิงคโปร์เล็งเปลี่ยนมาตรการภาษี ดึงดูดการลงทุนจากมหาเศรษฐีเพิ่ม

สิงคโปร์เล็งเปลี่ยนมาตรการภาษี ดึงดูดการลงทุนจากมหาเศรษฐีเพิ่ม

องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ เตรียมเปลี่ยนแปลงสิทธิพิเศษทางภาษีให้กับสำนักครอบครัว (Family office) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากมหาเศรษฐีเพิ่ม

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า องค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) เตรียมเปลี่ยนแปลงสิทธิพิเศษทางภาษีให้กับสำนักครอบครัว (Family office) เพื่อพยายามกระตุ้นการจ้างงานในท้องถิ่นและการลงทุนในตลาดตราสารทุนของประเทศ

“ราวี เมนอน” กรรมการผู้จัดการเอ็มเอเอส บอกว่า สิทธิประโยชน์ทางภาษีสามารถช่วยหนุนธุรกิจดังกล่าวให้ลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ และบริจาคให้กับองค์กรการกุศลในสิงคโปร์มากขึ้น

สำนักงานครอบครัว ที่มองหาการยกเว้นภาษี 13O และ 13U ต้องมีสินทรัพย์ขั้นต่ำ ภายใต้ข้อกำหนดด้านการจัดการและการใช้จ่ายธุรกิจ และสิงคโปร์มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางภาษี ดังนี้

1.ส่งเสริมให้สำนักงานครอบครัวมีส่วนร่วมในการลงทุนแบบผสมผสาน รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หากสนับสนุนลงทุนในบริษัทดังกล่าวโดยไม่หวังผลตอบแทนหรือเงินต้นคืน เอ็มเอเอสจะลดภาษีให้ 2 ดอลลาร์สิงคโปร์ในทุกๆ การใช้จ่ายเงินดอลลาร์

2.การลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในสิงคโปร์ รวมถึงสินเชื่อบุคคล จะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเช่นกัน

3.ให้ส่วนลดทางภาษีเป็นสองเท่าของเงินลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ และกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่มีสิทธิ รวมทั้งกองทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนในสิงคโปร์ แต่ลงทุนในตราสารทุนจดทะเบียนในประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ สำนักงานครอบครัว คือ ธุรกิจอย่างหนึ่งที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐี เพื่อทำหน้าที่จัดการกิจการของครอบครัวและการลงทุนต่างๆ

ปัจจุบัน สำนักงานครอบครัว สามารถได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ตามข้อกำหนดลงทุนในสิงคโปร์ ด้วยสิทธิดังกล่าว ช่วยเพิ่มสำนักครอบครัวในสิงคโปร์จาก 400 แห่งในปี 2563 เพิ่มเป็น 1,100 แห่งในปี 2565

แม้สำนักงานครอบครัวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มปริมาณสินทรัพย์ แต่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนในสิงคโปร์ เงินทุนเหล่านั้นจึงไม่ได้ช่วยสนับสนุนธุรกิจอาหาร และงานในท้องถิ่นตามที่หวังไว้

อย่างไรก็ดี แผนการปรับปรุงสิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าวอาจช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์